ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 646.95 จุด นักลงทุนคลายกังวลโอไมครอน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน หลังจากนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าไวรัสโอไมครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง โดยการแสดงความเห็นดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่นหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรม

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,227.03 จุด เพิ่มขึ้น 646.95 จุด หรือ +1.87%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,591.67 จุด เพิ่มขึ้น 53.24 จุด หรือ +1.17% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,225.15 จุด เพิ่มขึ้น 139.68 จุด หรือ +0.93%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากนายแพทย์เฟาชีกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวานนี้ว่า “แม้ดูเหมือนว่าเร็วเกินไปที่จะออกมาสรุปในเรื่องนี้ แต่นับจนถึงขณะนี้เรายังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าไวรัสโอไมครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง”

การแสดงความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายมาร์โก โคลาโนวิช และนายบราม แคปแลน นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า “แม้ว่าโอไมครอนจะระบาดได้รวดเร็วกว่า แต่รายงานก็บ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้มีความรุนแรงน้อยกว่า ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบวิวัฒนาการของไวรัสในอดีตที่บ่งชี้ว่า ไวรัสที่มีการแพร่ระบาดมากกว่า แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า จะเข้ามาแทนที่ไวรัสสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากกว่า ซึ่งจะทำให้โอไมครอนเป็นตัวเร่งให้การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 นั้น กลายเป็นเพียงบางสิ่งที่คล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเท่านั้น”

ทั้งนี้ การแสดงมุมมองบวกของเหล่าผู้เชี่ยวชาญได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรม โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 8.32% หุ้นเดลตา แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 5.79% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 7.88% หุ้นโบอิ้ง ดีดขึ้น 3.71% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.76% หุ้นฮันนีเวลล์ เพิ่มขึ้น 1.35%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.68% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.15% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.59% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.41%

หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคดีดตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจเช่นกัน โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ปรับตัวขึ้น 1.51% หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ บวก 1.07% หุ้นเป๊ปซี่โค เพิ่มขึ้น 1.04% หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ พุ่งขึ้น 1.87%

อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทผลิตวัคซีนร่วงลงหลังมีรายงานว่าการพัฒนาและผลิตวัคซีนสูตรป้องกันไวรัสโอไมครอนอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือน โดยหุ้นโมเดอร์นา ทรุดตัวลง 13.49% หุ้นโนวาแวกซ์ ดิ่งลง 11.60% หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 5.12%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยการประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนต.ค., ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยในไตรมาส 3/2564, ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top