ดาวโจนส์ปิดร่วง 320.04 จุด วิตกไวรัสโอมิครอนระบาดหนัก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) โดยหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยล่าสุดอังกฤษยืนยันพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโอมิครอนรายแรกในประเทศ และเตือนว่าอังกฤษกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ของไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,650.95 จุด ลดลง 320.04 จุด หรือ -0.89%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,668.97 จุด ลดลง 43.05 จุด หรือ -0.91% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,413.28 จุด ลดลง 217.32 จุด หรือ -1.39%

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษยืนยันว่า พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโอมิครอนรายแรกในประเทศ พร้อมกับเตือนด้วยว่า อังกฤษกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ของไวรัสโอมิครอน และวัคซีน 2 โดสไม่เพียงพอที่จะควบคุมไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว โดยการแสดงความเห็นของนายจอห์นสันมีขึ้นหลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของอังกฤษประกาศยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 สู่ระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ

ทางด้านมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษออกรายงานระบุว่า การฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็ม อาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโอมิครอน โดยรายงานดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาของสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของอังกฤษ (HSA) ที่พบว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ หรือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 2 เข็มให้ประสิทธิภาพต่ำในการป้องกันอาการของโรคโควิด-19 จากสายพันธุ์โอมิครอน เมื่อเทียบกับการป้องกันสายพันธุ์เดลตา

หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนอาจทำให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการควบคุมการเดินทางอีกครั้ง โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 5.24% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 4.94% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 3.42% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 4.88% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 4.44% หุ้นนอร์วีเจียน ครุยส์ ไลน์ ดิ่งลง 4.41%

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งหลุดจากระดับ 1.5% เมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคารในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 3.29% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.64% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.11% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 1.19% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.28%

หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 4.59% หลังจากทีมนักวิจัยของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเปิดเผยผลการศึกษาระบุว่า การฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบออนเทคจำนวน 3 เข็มสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้อย่างมีนัยสำคัญ

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า รวมถึงการปรับลดอัตราการซื้อพันธบัตร

โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.2565 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top