หอการค้านานาชาติ ชู 5 แผนเสริมแกร่งภาคธุรกิจปี 65 หลังโควิด

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานคณะกรรมการบริหาร หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย (ICC Thailand) เปิดเผยถึงบทบาทของหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย ต่อภาคธุรกิจไทยกับเศรษฐกิจโลก หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ในปี 2565 หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ ได้มุ่งเน้นแผนการดำเนินงาน เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมให้กับภาคธุรกิจหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 5 แผน ดังนี้

1. ICC สำนักงานใหญ่ได้ร่วมมือกับองค์กรนานาชาติและกลุ่มการค้าต่างๆ ในการผลักดันมาตราการต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่การทำ Digitization ทั้งด้านกฎหมาย ด้านกฎระเบียบ การกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ รวมไปถึงการพัฒนาการเชื่อมโยงของข้อมูลผ่าน API ตัวอย่างที่สำคัญคือการกำหนดมาตรฐานของใบตราส่งหรือ Bill of Lading ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญในการพัฒนา Electronic Bill of Lading ทำให้บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือทั้งหลาย เริ่มพัฒนาการให้บริการในรูปแบบ eb/l ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกและจะเป็นแรงขับเคลื่อนไปสู่การทำ digitization เอกสารไปสู่ Digital Trade Transaction อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดการลดปริมาณกระดาษมากถึง 4 พันล้านฉบับต่อปี

นอกจากนี้ ยังจะทำให้เกิดความคล่องตัวในกระบวนการที่ใช้เวลามากกว่า 15-45 วัน ในอนาคตการเรียกเก็บเงินจะลดลงเหลือเพียง 1 วัน และจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า payment obligation/undertaking ที่สามารถเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินเพราะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ICC Thailand, ICC Digital Standard Initiative (DSI) working group และสำนักงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ร่วมกันทำโครงการความร่วมมือในการพัฒนา National Digital Trade Platform เพื่อให้เป็น platform หลักของประเทศ สำหรับ Digital Trade Transaction และยังเป็น gateway ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลการค้าทั้งภาคเอกชนและภาครัฐไว้ในที่เดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่การทำธุรกรรม digital ในอนาคตต่อไป

2. สนับสนุนภาคธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการผลักดันนโยบายสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) ของสถาบันการเงิน ICC Thailand เล็งเห็นว่าการผลักดันให้สถาบันการเงินสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) ให้แก่ธุรกิจรายใหญ่ ที่การดำเนินธุรกิจมีโอกาสก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูงนั้นมีความสำคัญ ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจตระหนักและเกิดแรงจูงใจในการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น และยังทำให้บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ที่อยู่ใน Supply Chain ของธุรกิจขนาดใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน

ซึ่ง ICC Thailand เห็นว่า หากสถาบันการเงินผลักดันนโยบายสินเชื่อสีเขียวให้เป็นรูปธรรม จะจูงใจให้ภาคธุรกิจปฏิบัติตามเงื่อนไข ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากภาคธุรกิจจะได้ต้นทุนทางการเงินที่ถูกลงแล้ว จะเป็นการสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกไปตลาดในต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญและมีการกำหนดนโยบายด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้เกิดความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ และจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม

3. ส่งเสริมและสนับสนับสนุนการใช้อนุญาโตตุลาการในประเทศไทย ทั้งนี้ ICC Thailand มุ่งที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศใช้กระบวนการทางอนุญาโตตุลาการ แก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ซึ่งจะสนับสนุนการค้าและสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในประเทศไทย และสร้างความมั่นใจให้แก่นักธุรกิจต่างชาติที่มีหุ้นส่วน คู่ค้าพาณิชย์ในประเทศไทย

เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด มีข้อพิพาททางการค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นซึ่งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของภาคธุรกิจ กระบวนการอนุญาโตตุลาการและการไกล่เกลี่ยของหอการค้านานาชาติ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับภาคธุรกิจในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาททางการค้า เนื่องจากอนุญาโตตุลาการที่ได้รับการแต่งตั้งจะมีความเชี่ยวชาญและทราบถึงธรรมชาติของธุรกิจที่เกิดข้อพิพาท ซึ่งทำให้ทราบว่าโควิดได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร และมีผลต่อการปฏิบัติตามสัญญาของคู่สัญญาอย่างไร ดังนั้น การส่งเสริมและสนับสนับสนุนการใช้อนุญาโตตุลาการของหอการค้านานาชาติ สำหรับภาคธุรกิจในประเทศไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญ

4. ยกระดับความรู้ ความเข้าใจในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศของผู้ประกอบการให้ทัดเทียมระดับสากล หนึ่งในภารกิจหลักที่สำคัญของ ICC Thailand คือ การพัฒนาศักยภาพและยกระดับความรู้ ความเข้าใจในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศของผู้ประกอบการที่สนใจในการทำการค้าระหว่างประเทศ ให้มีความสามารถทัดเทียมระดับสากล เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้ “กฎ” การค้าระหว่างประเทศได้อย่างเหมาะสม เช่น FOB CIF หรือ CFR ฯลฯ โดยทาง ICC Thailand ได้จัดการสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ในเรื่องการใช้กฎ Incoterms® 2020 อย่างถูกต้อง, กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อสิทธิทางภาษี และเรื่องความรับผิดชอบในเหตุสุดวิสัย รวมทั้งให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจถึงสัญญาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่ง ICC สำนักงานใหญ่ได้จัดทำสัญญามาตรฐานในการทำการค้าระหว่างประเทศต่างๆ ขึ้น เพื่อผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และเป็นธรรมต่อคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย

5. สนับสนุนให้ภาคธุรกิจคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ ICC Thailand ได้ทำงานร่วมกับ ICC สำนักงานใหญ่ ในประเด็นด้านความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ตและความรับผิดชอบต่อสังคม (Cybersecurity and Responsibility) ที่ต้องมีในโลกของไซเบอร์ โดยคณะทำงานด้าน Cybersecurity and Responsibility ของ ICC สำนักงานใหญ่ ได้จัดทำคู่มือความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อให้มีแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันและหลีกเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะทำการเผยแพร่คู่มือฯ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ซึ่งจะเป็นข้อมูลและแนวทางปฏิบัติสำหรับภาคธุรกิจ

นอกจากนี้ ICC Thailand ยังได้เข้าร่วมในโครงการหลักการธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (Global Business Principles on Artificial Intelligence) ของ ICC สำนักงานใหญ่ ซึ่งโครงการฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาหลักการที่จะช่วยภาคธุรกิจในการสร้างและส่งเสริมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้มีนวัตกรรมใหม่ที่น่าเชื่อถือ โดยคำนึงถึงผลกระทบทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สังคม และต่อมนุษย์ แม้ว่า AI จะเป็นเทคโนโลยีเอนกประสงค์ที่มีศักยภาพในการเพิ่มผลผลิตและแก้ปัญหาให้ธุรกิจก็ตาม

ประธานหอการค้านานาชาติฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ด้านการค้าระหว่างประเทศ และการส่งออกของไทยในปี 2565 ยังคงมีความท้าทายอยู่หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ ปัญหาค่าระวางเรือ ปัญหาด้าน supply chain disruption และราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ล้วนมีผลกระทบโดยตรงและเป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย

ดังนั้น ทุกภาคส่วนจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหา โดยหอการค้านานาชาติฯ เล็งเห็นว่า ฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ คือการพัฒนาศักยภาพและความรู้ของผู้ประกอบการในด้านต่างๆ ให้มีความทันสมัย รู้เท่าทัน พร้อมรับมือกับความเสี่ยงทางธุรกิจ และสามารถแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ธ.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top