ผลโพลล์ชี้นักท่องเที่ยวพอใจด้านบริการเชิงสุขภาพ-สถานที่พักของไทย

นายอารัญ บุญชัย รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมเชิงวิชาการเพื่อนำเสนอผลการสำรวจทัศนคติและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีผู้แทนภาคการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุม

โดยในที่ประชุมเผยผลการสำรวจทัศนคติและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย แบบ Face to Face จำนวน 2,000 คน ในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวหลักจำนวน 10 จังหวัด ช่วงเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 ใน 14 ประเภทบริการ ซึ่งได้แก่

  1. สนามบิน
  2. บริการขนส่งโดยสารสาธารณะ
  3. ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
  4. แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล/ชายหาด
  5. แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
  6. แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์
  7. บริการสถานที่พักแรม
  8. ภัตตาคาร/ร้านอาหารและเครื่องดื่ม
  9. ร้านขายสินค้า/ของที่ระลึก
  10. บริการเชิงสุขภาพ
  11. บริการนำเที่ยว
  12. มัคคุเทศก์
  13. ประชาชน และ
  14. เว็บไซต์ Thailand Tourism Directory

พบว่า ความพึงพอใจเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 87.7% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ 84.9% โดยบริการที่ได้คะแนนความพึงพอใจสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

อันดับที่ 1 ประชาชน 91.4% เนื่องจากคนไทยมีความเป็นมิตรและมีอัธยาศัยไมตรีชอบช่วยเหลือนักท่องเที่ยว

อันดับที่ 2 บริการเชิงสุขภาพ 90.8% เนื่องจากประเทศไทยมีบริการเชิงสุขภาพที่หลากหลาย มีเอกลักษณ์ และราคาไม่แพงสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

อันดับที่ 3 บริการสถานที่พักแรม 90.3% เนื่องจากสถานที่พักแรมของไทยได้มาตรฐานทั้งบริการและราคา มีความสะดวกในการใช้บริการ รวมทั้งมีมาตรฐาน SHA และ SHA+

สำหรับบริการที่ได้คะแนนความพึงพอใจน้อยสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

อันดับที่ 1 เว็บไซต์ Thailand Tourism Directory เนื่องจากยังเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติน้อย

อันดับที่ 2 แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศยังมีปัญหาเรื่องห้องน้ำและค่าบริการที่ยังไม่มีมาตรฐานเท่าที่ควร

อันดับที่ 3 แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล/ชายหาด เนื่องจากเป็นการสำรวจในช่วงสถานการณ์โควิด-19แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและอุทยานยังปิดการให้บริการ และมีปัญหาเรื่องความสะอาดและทัศนียภาพ รวมทั้งห้องน้ำที่หายากและไม่สะอาด

ส่วนผลการสำรวจความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย แบบ Face to Face จำนวน 18,000 คน ในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวหลัก จำนวน 10 จังหวัด และจังหวัดท่องเที่ยวรอง จำนวน 24 จังหวัด ในช่วงเดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564 ใน 14 ประเภทบริการเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พบว่า ความพึงพอใจเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 86.7% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ 81.6% โดยบริการที่ได้คะแนนความพึงพอใจสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

อันดับที่ 1 ประชาชน 89.2% เนื่องจากในความเป็นคนไทยที่สื่อสารกันได้ และความเป็นมิตรมีอัธยาศัยไมตรีชอบช่วยเหลือนักท่องเที่ยวของคนไทย

อันดับที่ 2 มัคคุเทศก์ 88.2% เนื่องจากมัคคุเทศก์ของไทย มีความตั้งใจในการให้บริการและมีความเป็นมิตรรวมทั้งมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว

อันดับที่ 3 บริการสถานที่พักแรม 87.8% เนื่องจากมีความสะดวกในการให้บริการ มีความสะอาด และมีความปลอดภัยในการให้บริการ รวมทั้งในช่วงเกิดโควิด-19 สถานที่พักแรมมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติน้อยลง จึงทำให้ไม่เกิดความแออัดและสามารถให้บริการได้ทั่วถึง

ส่วนการบริการที่ได้คะแนนความพึงพอใจน้อยสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

อันดับที่ 1 บริการขนส่งโดยสารสาธารณะ 78.1% เนื่องจากอัตราค่าบริการที่ไม่มีมาตรฐาน และห้องน้ำภายในสถานีไม่สะอาด

อันดับที่ 2 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 80.8% เนื่องจากหาค่อนข้างยาก บางครั้งไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ให้บริการ และห้องน้ำให้บริการมีน้อย และไม่สะอาด

อันดับที่ 3 บริการเชิงสุขภาพ 83.2% ซึ่งถึงจะอันดับคะแนนจะอยู่ท้ายๆ แต่ก็อยู่ในระดับมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเห็นว่าบริการเชิงสุขภาพมีค่าบริการที่ไม่คุ้มค่ากับบริการที่ได้รับ และห้องน้ำบางที่ไม่ได้มาตรฐาน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top