JKN ตลาดคอนเทนท์ปี 64 ยังรุ่ง พร้อมจับมือพันธมิตรทีวีดิจิทัลลุยส่งออก

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) เปิดเผยว่า บริษัทประเมินภาพรวมตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในปี 64 ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการลูกค้าที่ซื้อลิขสิทธิ์เพื่อไปเผยแพร่ผ่านช่องทางทีวีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น

เช่น LINE TV, TrueID TV, VIU เป็นต้น ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ทั่วโลกยังไม่คลี่คลาย รวมถึงประเทศไทยที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้งในหลายจังหวัด ส่งผลให้เจ้าของสถานีทีวีดิจิทัลต้องบริหารความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการ จึงเป็นโอกาสของ JKN ที่จะทำยอดขายกลุ่มธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในปีนี้ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง

สำหรับแผนดำเนินงานในธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์นั้น JKN จะตอกย้ำจุดแข็งด้านความหลากหลายของกลุ่มคอนเทนต์ รวม 8 กลุ่ม ครอบคลุมทุกความบันเทิงและสาระความรู้ ได้แก่ ซีรีส์จีน ซีรีส์อินเดีย ซีรีส์ฟิลิปปินส์ และสารคดีจากแบรนด์ดังระดับโลก รวมถึง บริษัทฯได้เริ่มผลิตคอนเทนต์รูปแบบรายการแนวไลฟ์สไตล์ อาหาร และสุขภาพ โดยใช้จุดแข็งด้าน CEO Branding ที่สร้างกระแสความนิยมให้แก่ผู้ชม เพื่อออกอากาศผ่านสถานีทีวีดิจิทัลและผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลของบริษัทฯ ซึ่งช่วยส่งเสริมธุรกิจ COMMERCE สินค้าสุขภาพและความงาม อีกทางหนึ่งด้วย

“ในปีนี้ JKN จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์อย่างเต็มตัว โดยในปีที่ผ่านมา JKN ได้เริ่มผลิตรายการแนวไลฟ์สไตล์บ้างแล้ว ซึ่งต่อยอดจากจุดแข็งของเราที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดและทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ รวมถึงการมี CEO-Branding ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้แก่วงการทีวีในเมืองไทยอย่างแน่นอน”นายจักรพงษ์ กล่าว

ส่วนตลาดต่างประเทศ JKN มีแผนรุกขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเน้นการนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์ละครไทย ช่อง 3 ไปเปิดตลาดในภูมิภาคอื่นๆเพิ่มเติม และการบริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจอย่างช่อง 8 และช่อง PPTV ที่ไว้วางใจให้ JKN นำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทพร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดไปสร้างกระแสละครไทยให้โด่งดังไปทั่วโลก ส่งผลให้ปี 64 จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากสิ้นปี 63 ที่มีสัดส่วนรายได้ใกล้แตะ 40%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ม.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top