พลังงาน คาดปีนี้การใช้พลังงานขั้นต้นโตแค่ 0.2-1.9% หากโควิดระบาดมากกว่า 1 ครั้ง

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สพน.ได้จัดทำประมาณการความต้องการใช้พลังงานในปี 64 เป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ 1 ครั้ง และกรณีที่เกิดการระบาดมากกว่า 1 ครั้ง ในรอบปี 64 โดยพบว่ากรณีที่เกิดการระบาดมากกว่า 1 ครั้ง จะทำให้การใช้พลังงานขั้นต้น เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2-1.9% จากการเพิ่มขึ้นของพลังงานเกือบทุกประเภท ยกเว้นการใช้น้ำมันที่ลดลง -1.9 ถึง -2.9% ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าการใช้ก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้น 0.1-4.1% ซึ่งเป็นการใช้เพิ่มขึ้นเกือบทุกสาขา ยกเว้นการใช้ในภาคขนส่งการใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ (NGV) ที่ลดลง , การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ ค่อนข้างทรงตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.1-0.4% ส่วนการใช้พลังงานทดแทน คาดว่าจะมีการใช้เพิ่มขึ้น 5.0%จากนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนของภาครัฐ และไฟฟ้านำเข้า คาดว่าจะมีการใช้เพิ่มขึ้น 0.1%

การใช้น้ำมันสำเร็จรูป ปี 64 คาดว่ามีการใช้ลดลง -1.9 ถึง -2.9% โดยคาดว่าการใช้น้ำมันเครื่องบิน จะลดลง -45.8 ถึง -51.5% ตามการหดตัวของการท่องเที่ยว และ การใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในส่วนที่ไม่รวมการใช้เป็น Feed stocks ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี คาดว่าจะลดลง -0.7 ถึง -2.7% ส่วนการใช้น้ำมันดีเซล คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8-1.3% ส่วนการใช้เบนซินและแก๊สโซฮอล คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3-0.8%

การใช้ LPG โพรเพน และบิวเทน คาดว่าจะมีการใช้ลดลง -1.0 ถึง -5.5% โดยการใช้ในภาคครัวเรือน คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.1-2.5% และภาคอุตสาหกรรม คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.2-3.6% ในขณะที่การใช้ในรถยนต์คาดว่าจะลดลง -12.2 ถึง -15.8% และการใช้ในภาคปิโตรเคมี ลดลง -1.5 ถึง -10%

ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าการใช้จะเพิ่มขึ้น 0.1-4.1% โดยเพิ่มขึ้นเกือบทุกสาขาเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการใช้ในภาคขนส่งคาดว่าจะยังคงลดลงต่อเนื่องจากการที่ผู้ใช้ NGV เปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันยังคงไม่สูงมากนัก

การใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะอยู่ที่ 191,029 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 2.0% ตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศและตามการดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ

ทั้งนี้ การประมาณการดังกล่าวอ้างอิงสมมุติฐานด้านเศรษฐกิจ และนโยบายที่เกี่ยวข้องมาเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้พลังงาน โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าในปี 64 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.5-4.5% ด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก สศช. คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ในช่วง 41-51 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะอยู่ในช่วง 30.30-31.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

นายวัฒนพงษ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และปัจจัยอื่น ๆ อาทิ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก มาตรการในการป้องกันโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ที่จะส่งผลต่อการใช้พลังงานด้วย

สำหรับสถานการณ์พลังงานในปี 63 พบว่า ความต้องการใช้พลังงานเกือบทุกชนิดเชื้อเพลิงลดลง ในขณะที่พลังงานทดแทนมีการใช้เพิ่มขึ้น 0.4% ไฟฟ้านำเข้ามีการใช้เพิ่มขึ้น 7.1% เนื่องจากปลายปี 62 มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำของประเทศลาวเริ่มจ่ายเข้าระบบจำนวน 3 โรง

การใช้น้ำมันสำเร็จรูป ลดลง 11.5% โดยการใช้น้ำมันดีเซลลดลง 2.6% ส่วนหนึ่งมาจากการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลงจากสถานการณ์ภัยแล้งช่วงต้นปี ประกอบกับปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในช่วงปลายปี รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้การใช้รถเพื่อเดินทางลดลง การใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ลดลง 1.2% จากมาตรการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) และลดการเดินทางข้ามจังหวัด

การใช้น้ำมันเครื่องบิน ลดลง 61.8% เนื่องจากมาตรการระงับการบินจากต่างประเทศและลดการบินในประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีทำให้การบินในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ การใช้ LPG ลดลงเกือบทุกสาขา โดยเฉพาะการใช้ในภาคขนส่ง ลดลง 26.3% จากการปรับลดลงของราคาขายปลีกน้ำมัน ส่งผลให้ผู้ใช้รถยนต์ LPG บางส่วนหันมาใช้น้ำมันทดแทน การใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ลดลง 17.7% การใช้ในภาคอุตสาหกรรม ลดลง 7.9% และภาคครัวเรือนมีการใช้ลดลง 4.5%

การใช้ก๊าซธรรมชาติ ลดลง 8.2% โดยลดลงทุกสาขาเศรษฐกิจ ซึ่งลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ด้าน NGV ลดลง 28.5% จากผู้ใช้รถยนต์ NGV บางส่วนเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเนื่องจากราคาไม่สูงมากนัก , การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์ เพิ่มขึ้น 0.2% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากการใช้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม

ด้านการใช้ไฟฟ้า ลดลง 2.9% โดยลดลงเกือบทุกสาขา โดยกลุ่มธุรกิจหลักที่มีการใช้ไฟฟ้าลดลงอย่างชัดเจน ได้แก่ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคารและไนต์คลับ ซึ่งมีผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์

ขณะที่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการใช้พลังงานของประเทศไทย ปี 63 ลดลงในทุกภาคเศรษฐกิจ ทั้งการผลิตไฟฟ้า ภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคเศรษฐกิจอื่นๆ โดยคาดว่าการปล่อย CO2 จากการใช้พลังงานอยู่ที่ระดับ 222.8 ล้านตัน CO2 ลดลงจากปีก่อน 11.1%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top