แกนนำฝ่ายค้านยื่นแล้วญัตติเปิดซักฟอก 10 รัฐมนตรี 3 ป.โดนถ้วนหน้า

แกนนำ 6 พรรคฝ่ายค้าน ร่วมยื่นญัตติขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเช้าวันนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดอภิปรายในช่วงวันที่ 16-19 ก.พ.

โดยกำหนดรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายจำนวน 10 คน ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ , นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย , ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

นายชวน กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้อง และจะดำเนินการเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม โดยคาดว่าจะสามารถเปิดอภิปรายได้ 16-19 ก.พ. โดยหลังจากนี้ จะมีการการหารือถึงระยะเวลาการอภิปรายที่แน่ชัดอีกครั้ง

ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดพฤติการณ์ของรัฐมนตรีแต่ละคนที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นรายบุคคล มีดังนี้

  1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ ทำให้เกิดการทุจริตแพร่กระจายไม่ต่างจากโรคระบาด ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ มุ่งประโยชน์แต่การสร้างความนิยมชมชอบให้กับตนเอง ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง
  2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
  3. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินโดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง ใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อวางแผนในการทุจริตอย่างเป็นระบบ ปล่อยปละละเลยให้องค์กรในกำกับมีการทุจริตอย่างกว้างขวาง ไม่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักการบริการกิจการบ้านเมืองที่ดี
  4. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตที่เป็นประจักษ์ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
  5. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวง บกพร่องอย่างร้ายแรง และไร้ประสิทธิภาพ ไม่ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีการแพร่ระบาดในรอบสองอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ปกปิดอำพรางการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรค เพื่อเปิดช่องให้มีการทุจริต
  6. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ บริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้ภาวะผู้นำ ไร้สำนึก ไร้ความรับผิดชอบ ลอยตัวหนีปัญหา เลือกปฏิบัติ แต่งตั้งบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถเข้ามาเพียงเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง ทุจริตในหน่วยงานที่กำกับ จงใจปกปิดข้อมูล ปกป้องการทุจริต ทำให้หน่วยงานของรัฐในกำกับเกิดความเสียหาย
  7. นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.สาธารณสุข ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคาพรหลักการสิทธิมนุยชน ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ขาดวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำที่ดี ใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำในลักษณะกดขี่ข่มเหงข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีบุคคลหลายรายซึ่งเป็นพวกพ้องของตนเข้าสู่ตำแหน่ง จงใจปกปิดข้อมูลเพื่อปิดบังการทุจริต ผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ยึกหลักนิติธรรม เลือกปฏิบัติ ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาล
  8. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน บริหารราชการผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้แรงงาน ไม่กำกับควบคุมผู้ใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นระบบ จนเกิดแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก สร้างผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนส่งผลเสียหายแก่ประเทศและเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง มีพฤติการณืใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนและพวกพ้อง ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังระหว่างผู้ที่เห็นต่าง
  9. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม บริหารราชการแผ่นดินโดยเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่เกิดแก่ประเทศชาติและประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาด เพื่อให้มีสิทธิดำเนินงานในกิจการของรัฐ โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ทุจริตต่อหน้าที่และปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในหน่วยงานที่กำกับดูแล
  10. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดและบกพร่อง ล้มเหลวงอย่างร้ายแรง มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง โดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐอย่างเคร่งครัด ปกปิดข้อมูลความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในการยื่นหรือการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล และสร้างอิทธิพลให้กับบริวารและพวกพ้อง เสนอให้มีการแต่งตั้งคู่สมรสที่อยู่กินฉันสามีภรรยาเป็นข้าราชการการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวุฒิวะและความเหมาะสม

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกันอีกครั้งถึงกรอบเวลา เพื่อแจ้งไปยังประธานสภาฯ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะตั้งวอร์รูมเพื่อประสานงานร่วมกัน โดยมีตัวแทนจากทุกพรรคเข้าร่วม เพื่อดูแลเรื่องเวลาและบุคคลที่อภิปราย โดยจะประสานเนื้อหา ซึ่งยืนยันว่า แม้เสียงในสภาฯจะสู้ไม่ได้ แต่เมื่อประชาชนได้ฟังแล้ว พรรคฝ่ายค้านจะเรียกศรัทธาจากประชาชนได้ ยืนยันว่าการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีความเป็นเอกภาพ

“ญัตตินี้ เป็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จำเป็นต้องอภิปรายรัฐมนตรีให้ครบทุกคน และอภิปรายในข้อมูลอย่างครบถ้วน สำหรับประเด็นที่อภิปราย อาทิ ทุจริตต่อหน้าที่, เอื้อประโยชน์ต่อนายทุน, การบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว ขาดนิติรัฐ นิติธรรม ทั้งนี้ขอให้ติดตาม เพราะมีหลักฐานชัดเจนและเป็นหมัดเด็ดแน่นอนทุกวัน”

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว

ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้จะไม่มีมวยล้ม พร้อมเรียกร้องให้สภาฯ วางตัวเป็นกลาง อย่าเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลเหมือนอย่างกรณีที่เคยเชิญตนออกจากห้องประชุม เพราะไม่ต้องการให้อภิปรายเรื่องกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งยอมรับว่าครั้งที่ผ่านมานั้น ไม่ทันต่อเล่ห์เหลี่ยมของสภาฯ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น ตนจะไม่ยอมโดดเด็ดขาด

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านมีเอกภาพ ทั้งนี้ผู้อภิปรายรัฐบาลนั้น วิปของทุกพรรคจะหารือร่วมกัน เชื่อว่าจะไม่กังวลต่อปัญหาที่จะกลายเป็นอุบัติเหตุเหมือนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่า ตราบใดที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคจะไม่มีอุบัติเหตุเช่นนั้นเกิดขึ้นอีกที่ลูกพรรคอนาคตใหม่ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ม.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top