บลจ.กสิกรไทย มองบวกหุ้นจีน เศรษฐกิจฟื้นเร็วหลังโควิด-ราคายังไม่แพง

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในปีที่ผ่านมา จีนถือเป็นประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้เศรษฐกิจของจีนฟื้นตัวกลับมาได้ใกล้เคียงระดับปกติ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าในปี 2564 เศรษฐกิจจีนจะเติบโต 8.1% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกจะเติบโต 5.5%

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ชวนผู้ลงทุนมาคว้าโอกาสรับผลตอบแทนในหุ้นจีนกับกองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) ที่เข้าลงทุนในหุ้นจีนครอบคลุมทุกตลาดทั่วโลก (All China) ได้แก่ หุ้นจีน A-Share, H-Share และหุ้นจีนที่จดทะเบียนในอเมริกา (ADR)

นายนาวิน กล่าวต่อไปว่า กองทุน K-CHINA มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds-China Fund, Class JPM China I (acc) -USD ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนเติบโต (Growth) คุณภาพสูง (High Quality) และอยู่ในกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Economy) อาทิ กลุ่มธุรกิจเทคโนโยลี กลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ และกลุ่มธุรกิจการบริโภค ยกตัวอย่างหุ้นชื่อดัง เช่น Tencent, Alibaba และ Meituan-Dianping

กองทุนหลักดังกล่าวมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นติดอันดับ Top 10 จากกองทุนหุ้นจีนกว่า 154 กองทุนทั่วโลก (เทียบในกลุ่ม Morningstar Category EAA OE China Equity ณ 31 ธ.ค. 63) โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านกองทุนหลักทำผลตอบแทนอยู่ที่ 70.86% เอาชนะดัชนีชี้วัดซึ่งอยู่ที่ 30.75% (ข้อมูล ณ 31 ธ.ค. 63) และขนาดกองทุน JPMorgan Funds-China Fund เติบโตถึง 208% ภายใน 7 เดือน (ข้อมูลจาก Citywire ณ ธ.ค.63)

นอกจากนี้ กองทุน K-CHINA ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างการลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2556-2563 กองทุนมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งสิ้น 4.55 บาทต่อหน่วย

“บลจ.กสิกรไทยมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในหุ้นจีน จากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง โดยจีนเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ประเทศเดียวที่กลับมาฟื้นตัวใกล้เคียงระดับปกติ ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะการเติบโตที่มาจากภายในประเทศ จากกลุ่มคนชั้นกลางของจีนกว่า 700 ล้านคนที่มีฐานะและกำลังซื้อมหาศาลที่พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงรัฐบาลให้ความสำคัญกับการเติบโตระยะยาว เน้นลงทุนและวิจัย พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

นอกจากนี้ระดับราคาหุ้นจีนยังมีความน่าสนใจและ Earning Growth มีแนวโน้มเติบโตดี อย่างไรก็ตามต้องจับตานโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนในระยะถัดไป และมาตรการจากภาครัฐที่อาจเข้มงวดขึ้นหากเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติในระยะข้างหน้า”

นายนาวินกล่าว

นายนาวินกล่าว เพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากกองทุน K-CHINA แล้ว บลจ.กสิกรไทยยังมีกองทุนหุ้นจีนอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุน ได้แก่ กองทุน K-CCTV ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน A-shares ผ่าน 2 กองทุนต่างประเทศในสัดส่วนประมาณ 70-90% ของ NAV ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินสดหรือกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งกองทุนนี้เหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนในหุ้นจีน แต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง เนื่องจากกองทุนจะมีโมเดลควบคุมความเสี่ยงโดยผู้จัดการกองทุนของบลจ.กสิกรไทยจะคอยปรับพอร์ตให้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังมีกองทุน K-CHX ที่จะลงทุนในหุ้นจีน A- shares โดยมีกลยุทธ์การบริหารเชิงรับ (Passive) ซึ่งมุ่งหวังผลตอบแทนอ้างอิงตามดัชนี FTSE China A50 จึงเหมาะกับผู้ที่สามารถจับจังหวะซื้อ-ขายด้วยตนเอง ส่วนผู้ที่ต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีพร้อมทั้งต้องการสะสมผลตอบแทนเพื่อวัยเกษียณ บลจ.กสิกรไทยยังมีกองทุน KCHINARMF ซึ่งมีนโยบายลงทุนเดียวกันกับกองทุน K-CHINA โดยกองทุน KCHINARMF เป็นกองทุน RMF ของบลจ.กสิกรไทยที่มียอดขายสูงสุดในปี 2564 เมื่อเทียบกับกองทุน RMF อื่นๆ (ข้อมูล ณ 30 ม.ค.2564)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.พ. 64)

Tags: , , ,
Back to Top