TASCO กางแผนปี 64 ดันกำไรโตตามทิศทางราคายางมะตอยแม้ตั้งเป้ายอดขายลดลง

นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่อยู่ที่ 3,592 ล้านบาท เนื่องจากช่วงปลายปี 63 บริษัทได้ซื้อน้ำมันดิบมาเก็บสำรองไว้เต็มคลัง และเช่าเรือเก็บน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีกด้วย

จึงเชื่อว่าจะสามารถรองรับการผลิตยางมะตอยได้ถึงเดือน มิ.ย.64 ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นมาที่ราว 60 เหรียศหรัฐ/บาร์เรลส่งผลดีต่อราคายางมะตอยให้ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะที่บริษัทมีต้นทุนซื้อน้ำมันเข้ามาเก็บอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

“ถ้าเราสามารถซื้อน้ำมันดิบได้ตามเป้าหมาย หรือ 1 ลำต่อเดือน และมียอดขายได้ตามเป้า 1.25 ล้านตัน ก็จะทำให้เรายังคงทำกำไรในปีนี้ได้ดีพอสมควร”

นายชัยวัฒน์ กล่าว

อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทประกันภัยเพื่อรับเงินค่าสินไหมทดแทนจากเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นที่ประเทศมาเลเซียงวดสุดท้าย คาดว่าจะได้รับเงินเข้ามาภายในเดือน มี.ค.64 รวมถึงในช่วงต้นปีบริษัทยังได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท ไทยสเลอรี่ ซิล จำกัด โดยถือหุ้นเพิ่มเป็น 62.50% จากเดิม 25% เพื่อขยายซัพพลายเชนให้ลงไปสู่ระดับปลายน้ำ หรือ Construction group ก็คาดว่าจะสามารถบันทึกผลประกอบการของ ไทยสเลอรี่ ซิล เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 1/64 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายยอดขายยางมะตอยในปีนี้ไว้ที่ 1.25 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนที่มียอดขาย 1.75 ล้านตัน เนื่องจากบริษัทมียอดซื้อน้ำมันดิบน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ภายหลังจากหยุดซื้อน้ำมันดิบจากแหล่งเดิมที่ประเทศเวเนซุเอลา แต่ปัจจุบัน TASCO สามารถซื้อน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นได้แล้ว 2 แหล่ง ซึ่งเริ่มซื้อในเดือน ม.ค.64 และจะจัดส่งมาให้ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.หรือต้นเม.ย.64 เป็นต้นไป โดยบริษัทวางแผนที่จะซื้อน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติมรวมถึง 2 แหล่งดังกล่าวเข้ามาอย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 ลำ

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์การขายใหม่เพื่อรองรับยอดซื้อน้ำมันดิบที่ลดลงจากปีก่อน โดยจะลดการขายในลักษณะซื้อมาขายไป (เทรดดิ้ง) ให้กับกลุ่มลูกค้าอื่น แต่จะไปมุ่งเน้นการขายในประเทศที่ TASCO มีโรงงานตั้งอยู่ เช่น จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว และไทย เนื่องจากการขายแบบเดิมได้กำไรจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการขายรีเทลในประเทศนั้นๆ รวมถึงยังมองว่าในปีนี้ยอดขายในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์จะปรับตัวสูงขึ้น หรือกลับไปเติบโตได้เท่ากับปี 62 หลังมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดอย่างแพร่หลาย

พร้อมกันนี้ บริษัทได้มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำทุก 3 ปีไปเมื่อวันที่ 15 ม.ค.64 และเตรียมจะเปิดดำเนินการตามปกติในวันพรุ่งนี้ 24 ก.พ.64 ส่วนงบลงทุนปีนี้คาดว่าจะลดลงกว่าปีก่อนครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะใช้ในการซ่อมบำรุงโรงงานและเครื่องจักรตามปกติ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top