นายกฯ เน้นย้ำรัฐวิสาหกิจสร้างรายได้ให้ประเทศควบคู่บริการประชาชน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2564 ได้มีการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการจัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ รวมทั้งพิจารณาโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” บ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อสร้างความมั่นคงเรื่องที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนตามแนวทางนโยบายของรัฐบาล

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้รัฐวิสาหกิจไทย 52 แห่ง ซึ่งมีทั้งกลุ่มรัฐวิสาหกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ และกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบริการสาธารณะ ต้องสร้างแนวทางและวิธีการทำงานใหม่ สามารถทำเงิน สร้างรายได้ให้กับประเทศ บริการประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มห่วงโซ่ทางธุรกิจ เพิ่มแนวทางการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) เพื่อลดภาระด้านงบประมาณภาครัฐ ซึ่งต่อไปจะมีการนำผลประกอบการและการบริการประชาชน มาเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงการจัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ ที่ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ ความมั่นคง ความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน การสร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางสังคม การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ที่ต้องสอดคล้องกับการปฏิรูปเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล ภายใต้ BCG Model โดยมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนด้วย

นายอนุชา ระบุว่า นายกรัฐมนตรียังกำชับให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ไปพิจารณาแนวทางบริหารจัดการบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจที่ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 123 แห่ง โดยคำนึงถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจ และสอดคล้องกับภารกิจของรัฐวิสาหกิจแม่ รวมทั้งให้มีการพิจารณาดำเนินการ กรณีบริษัทในเครือที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินงานต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดภาระของภาครัฐในอนาคตเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ปี 2559 รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ริเริ่มกระบวนการพิจารณาจัดตั้งบริษัทในเครือต้องผ่านการพิจารณาจาก คนร. ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา

“นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงความสำคัญของรัฐวิสาหกิจว่าเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศ พร้อมฝากให้บุคคลที่ถูกแต่งตั้งเข้ามาเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยสุจริต โปร่งใส เป็นธรรม และส่งเสริมให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานด้วย” นายอนุชาระบุ

นอกจากนี้ ในที่ประชุมฯ ยังได้เร่งรัดการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ดำเนินโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยในโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” ภายใต้แนวคิด “บ้านเคหะสุขประชา = บ้านพร้อมอาชีพ” จำนวน 100,000 หน่วย ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ ในระยะเวลา 5 ปี โดยให้มีการพิจารณานำการลงทุนแบบ PPP มาใช้ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะเสนอแนวทางการดำเนินการในที่ประชุม คนร. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 เม.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top