หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง เล็งกลุ่มโรงกลั่น-อิเล็กทรอนิกส์หนุน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวต่อเนื่องในลักษณะแกว่งไซด์เวย์ หลังตอบรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไปมากแล้ว ล่าสุดเริ่มทยอยลดลง ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการภาครัฐฯ แต่ยังต้องรอดูในวันที่ 29 เม.ย.ศบค.จะพิจารณามาตรการอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ถือว่าตลาดยืนได้ดี พร้อมเล็งกลุ่มโรงกลั่น-อิเล็กทรอนิกส์หนุน หลังค่าการกลั่นฟื้นชัดเจน-ดัชนี Nasdaq ทำนิวไฮ รับข่าวเจพีมอร์แกนเตรียมจัดตั้งกองทุนบิตคอยน์ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งแคบในช่วงไร้ปัจจัยใหม่-รอดูการทยอยประกาศงบฯของแต่ละตลาด รวมถึงรอดูผลประชุมเฟด-ติดตามงบฯที่ทยอยออกมาต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,550-1,544 แนวต้าน 1,565-1,575 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่องในลักษณะแกว่งไซด์เวย์ โดยมองว่าตลาดฯได้ตอบรับเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไปมากแล้ว และล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อก็เริ่มทยอยลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมาตรการภาครัฐฯที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงได้ แต่ก็ต้องรอดูในวันที่ 29 เม.ย.นี้ที่ทางศบค.จะพิจารณามาตรการอีกครั้ง ถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในลักษณะเร่งตัวก็อาจทำให้มีมาตรการเข้มขึ้นอีก อย่างไรก็ดี ขณะนี้ถือว่าตลาดฯยืนได้ดีจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงและมาตรการคุมเข้มใช้ได้ผลบ้าง

นอกจากนี้ ค่าการกลั่นที่ขึ้นมายืนเหนือระดับ 3 เหรียญฯ/บาร์เรล ได้ 3 วันแล้วเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน ทำให้เห็นการฟื้นตัวของค่าการกลั่นอย่างชัดเจน จากก่อนนี้ที่ชะลอลงจากความกังวลการแพร่ระบาดโควิดอย่างหนักในอินเดีย อีกทั้งขณะนี้หลายประเทศเริ่มทยอยเปิดประเทศบ้างแล้ว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบตามเกณฑ์ น่าจะช่วยหนุนการลงทุนได้ดีขึ้น

อีกทั้ง ดัชนี Nasdaq ได้ขึ้นทำนิวไฮ ขานรับข่าวที่ว่าเจพีมอร์แกนเตรียมจัดตั้งกองทุนบิตคอยน์ ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯพุ่งขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดบ้านเราได้บ้าง

ด้านตลาดุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งแคบมากราว 0.3% ในช่วงรอปัจจัยใหม่เข้ามาและรอดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละตลาดกันไป รวมถึงรอดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ให้ติดตามมุมมองของเฟดในเรื่องของเศรษฐกิจ และการกระจายวัคซีนโควิด-19 ไปทั่วโลกอย่างไร

พร้อมกันนี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยให้แนวรับ 1,550-1,544 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,575 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,981.57 จุด ลดลง 61.92 จุด (-0.18%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,187.62 จุด เพิ่มขึ้น 7.45 จุด (+0.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,138.78 จุด เพิ่มขึ้น 121.97 จุด (+0.87%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.08 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 48.30 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 57.45 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 เม.ย.)1,559.53 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด (+0.38%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,920.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 เม.ย.) ปิด 61.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 เม.ย.) อยู่ที่ 3.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.43 ทรงตัวจากวานนี้ คาดกรอบวันนี้ 31.30-31.50 ตลาดจับตาผลประชุมเฟด
  • บีทีเอส เตรียมยื่นศาลปกครองภายในสัปดาห์หน้า ฟ้องกรุงเทพมหานคร จ่ายหนี้ 3 หมื่นล้าน หลังแบกรับภาระมา 4 ปี ปัดใช้เป็นเงื่อนไขแลกสัมปทานสายสีเขียว ชี้หากหนี้สินยืดเยื้อครบสัมปทานปี 2572 อาจพุ่งถึง 9 หมื่นล้าน พร้อมระบุแนวทางปรับลดค่าโดยสารทำได้ หากรัฐสนับสนุน
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 จะกระทบกับการเติบโตของมูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มปีนี้ แม้ว่าสินค้ากลุ่มนี้จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน แต่การระบาดรอบนี้ถือเป็นครั้งที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงและแพร่เชื้อเร็วกว่าทุกรอบที่ผ่านมา จนภาครัฐยกระดับคุมเข้มการแพร่ระบาดอีกครั้ง ทำให้หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายใน 3 เดือนข้างหน้า ตลอดจนการกระจายวัคซีนเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้และมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายออกมาเพิ่มในช่วงที่เหลือของปี มูลค่าการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มในประเทศอาจมีมูลค่า 2.48 ล้านล้านบาท หรือขยายตัว 0.5%
  • KKP Research ปรับลดประมาณการจีดีพีเหลือ 2.2% หลังไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่กระทบเศรษฐกิจเสี่ยงหดตัวตลอดทั้งปี เหตุฉีดวัคซีนในไทยล่าช้า “คลัง” ปลื้มญี่ปุ่นคงเครดิตไทยที่ A- ชมเปาะมาตรการ 1.9 ล้านล้านสุดแจ่ม
  • บอร์ด รฟท. เคาะจ้าง รฟฟท. เดินรถสีแดง 3 ปี หรือจนกว่าจะได้เอกชนรับสัมปทาน PPP ตามนโยบาย “ศักดิ์สยาม” ตั้งกรอบค่าใช้จ่ายปีละ 1,000 ล้านบาท เร่งเสนอ คนร. ทบทวนมติเดิมที่ให้อัปเกรดตั้งบริษัทลูก พร้อมปรับแผนพัฒนาพื้นที่เพิ่มรายได้ชดเชยค่าโดยสาร
  • คลัง เตรียมคลอดมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ ยันมีงบสำรองรับมือวิกฤตโควิด-19 กว่า 3 แสนล้านบาท เน้นลดภาระประชาชน กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ “สุพัฒนพงษ์” แย้มมาตรการรอบใหม่ประกาศ พ.ค. เริ่มใช้ มิ.ย.นี้ ยันไม่กู้เพิ่ม พร้อมออกมาตรการจูงใจคนมีเงินฝากใช้จ่าย ช่วยดันจีดีพี ส่วนการเปิดรับนักท่องเที่ยวเริ่ม ก.ค. เหมือนเดิม ด้านสถาบันจัดอันดับญี่ปุ่น JCR คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ระดับ A-

หุ้นเด่นวันนี้

  • PROS (บมจ. พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีราคาขาย IPO ที่ 2.00 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายที่ 2.70 บาท คาดว่ากำไรปี 2564 จะโตก้าวกระโดด +100% Y-Y และต่อเนื่อง +16% Y-Y และ +11% Y-Y ในปี 2565-2566 โดย PROS เป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจวิศวกรรมประกอบอาคาร โดยเน้นรับงานจากลูกค้าที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีความน่าเชื่อถือ ทำให้สภาพคล่องทางการเงินของ PROS แข็งแกร่งไปด้วย ปัจจุบันมี Backlog ค่อนข้างสูงราว 2 พันลบ.
  • TTA (เคทีบีเอสที) “ซื้อ”ปรับเป้าขึ้นเป็น 19 บาท คาดกำไร Q1/64 โตโดดเด่น ตามดัชนี BSI Index ที่ปรับขึ้นแรง
  • CPN (เคทีบีเอสที) “ซื้อ”เป้า 58 บาท กำไรสุทธิ Q1/64 เติบโตเด่นจากกำไรพิเศษ ส่วนกำไรปกติลดลงจากโควิด-19
  • EPG (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 16 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/64 (ม.ค.- มี.ค.64) ที่ 456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%qoq และ 86%yoy ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากผลกำไรที่ดีขึ้นทั้ง 3 ธุรกิจ (ฉนวน, ชิ้นส่วนยานยนต์ และ แพ็คเกจจิ้ง)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top