นายกฯ ยันเร่งเคลียร์ปัญหาผู้ป่วยโควิดตกค้างนอกรพ.เพื่อลดความสูญเสีย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 วันนี้ที่สูงถึง 15 คน ซึ่งประชาชนมีความกังวลว่าผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาพยาบาลหรือไม่นั้นว่า ได้สั่งการให้ดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ตกค้างอยู่นอกโรงพยาบาลกว่า 1,400 คน ซึ่งได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแล้วโดยใช้เวลา 3 วัน ซึ่งเป็นจำนวนที่ตกค้างมาจากช่วงเทศกาลสงกรานต์

โดยย้ำในการประเมินผู้ป่วยที่ถูกแบ่งเป็น 3 สีคือ สีแดง คือผู้ป่วยอาการหนัก ต้องส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อรักษาเฉพาะทางโดยเร็วที่สุด, สีเหลือง คือผู้ป่วยมีอาการน้อย จะถูกส่งไปยัง Hospitel, สีเขียว ซึ่งเป็นผู้ป่วยไม่มีอาการ โดยจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะบูรณาการเรื่องข้อมูล เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด โดยตนได้สั่งการให้จัดเตรียมสถานที่คัดกรองให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความแออัดในพื้นที่โรงพยาบาลต่างๆ

ส่วนกรณีการติดเชื้อภายในประเทศอินเดีย จะเกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้กำลังใจกับทุกประเทศที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวัน โดยยืนยันว่าไทยมีมาตรการรับความเสี่ยงตรงนี้อยู่แล้ว และมีการระงับเป็นการชั่วคราวบางมาตรการ แต่ก็จะระมัดระวังอย่างที่สุด

“การบริหารสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ เป็นเรื่องต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน อย่าใช้ความเกลียด ความไม่ชอบเป็นการส่วนตัว ออกมาทำร้ายซึ่งกันและกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข, นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข และปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถือเป็นด่านหน้าของรัฐบาล และอย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือกับกลุ่มแพทย์ต่างๆ ว่าต้องเข้าใจว่ากำลังบริหารราชการกันอย่างไร ควรส่งเสริมกันมากกว่าที่จะขัดแย้งกัน ตนเคารพทุกคนไม่ว่าจะเป็นแพทย์จากที่ใดก็ตาม และขอยืนยันว่าตนบริหารได้ทุกอย่าง ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุข ไม่มีปัญหาทั้งสิ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพื้นฐานความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยว่า ถ้ามองในด้านเศรษฐกิจครัวเรือน ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่หากมองในภาพรวม เศรษฐกิจยังขยายตัวอยู่ และได้รับรายงานว่าขยายตัวสูงสุดในรอบหลายเดือน ทั้งด้านอุตสาหกรรม ด้านพาณิชย์ ที่มีแนวโน้มว่า มีกำลังซื้อจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งแม้จะเป็นวิกฤต แต่ก็เป็นโอกาสที่จะสามารถส่งสินค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top