รัฐบาล ปัดปิดกั้นเอกชนจัดหาวัคซีนโควิด 100 ล้านโดส แต่ติดปัญหาส่งมอบล่าช้า

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นในการที่เอกชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหาวัคซีน แต่จากการหารือร่วมกับภาคเอกชนได้แจ้งว่า ได้มีการติดต่อกับผู้ผลิตวัคซีนในต่างประเทศไปแล้ว แต่การส่งออกอาจเกิดความล่าช้า เพราะผู้ผลิตแต่ละที่ได้แจ้งว่าสามารถส่งมอบได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งสภาหอการค้าไทยได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า การที่ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนได้ในช่วงปลายปีนั้นล่าช้าและอาจทับซ้อนกับที่รัฐบาลจัดหามาได้ จึงได้ข้อสรุปว่า จะให้รัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาวัคซีนตามแผนเดิมภายในสิ้นปีนี้ 100 ล้านโดส

ทั้งนี้ ทางด้านสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้ออกมาชี้แจงว่า วัคซีนต่างๆที่ภาคเอกชนจัดหาไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งในส่วนโรงพยาบาลเอกชน ยังดำเนินการจัดหาวัคซีนตามกลไกของคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อจัดหาวัคซีนทางเลือก ซึ่งสามารถดำเนินการได้

ส่วนการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น หมอพร้อม นั้น รัฐบาลได้มีการวางแผนการฉีดวัคซีนเป็น 3 ระยะ คือ

  • ระยะที่ 1 ฉีดให้กับบุคลาการทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ซึ่งมีประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งฉีดเข็มแรกไปแล้ว 1 ล้านคน และเข็มที่ 2 อีกประมาณ 2 แสนคน
  • ระยะที่ 2 จะฉีดให้กับประชาชนทั่วไปประมาณ 16 ล้านคน แบ่งเป็น
    • กลุ่มประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 11.7 ล้านคน
    • กลุ่มประชาชนที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ประกอบด้วย โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด ไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และ โรคอ้วน มีประมาณ 4.3 ล้านคน

“อยากให้ 2 กลุ่มนี้ ได้ลงทะเบียนก่อนประชาชนทั่วไป ผ่านทางไลน์ หมอพร้อม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. หรือติดต่อโรงพยาบาลที่ตนเองรับการรักษาอยู่ ในต่างจังหวัดติดต่อผ่านทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือผ่านทางอสม. ซึ่งจะได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่ วันที่ 7 มิ.ย.และคาดว่าจะสามารถฉีดได้ครบภายใน สิ้นเดือนก.ค.”

  • ระยะที่ 3 จะฉีดให้กับประชาชนทั่วไป อายุตั้งแต่ 19-59 ปี ซึ่งมีประมาณ 31 ล้านคน ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียน ตั้งแต่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป และเริ่มการฉีดตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นไป

นายอนุชา กล่าวว่า หากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง สถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ หรือในศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วย ที่อาคารกีฬานิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนได้ในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top