หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์อิงบวกเล็งกลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมันขึ้น

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อิงบวก หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในประเทศทรงตัว และมีความคาดหวังจัดหาวัคซีนเพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาทช่วยหนุน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สปรับขึ้นหลังมีข่าวบริษัทท่อส่งน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่กระทบการส่งน้ำมันฝั่งตะวันออกของประเทศ คาดหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน พร้อมให้แนวรับ 1,575 แนวต้าน 1,590-1,595 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์อิงทางบวก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ไม่ได้แย่ลง จำนวนผู้หายป่วยมากกว่าผู้ติดเชื้อ ทำให้มีเตียงว่างรองรับผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น และยังมีความหวังจากการจัดหาวัคซีนเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะทำได้จริงหรือไม่ รวมถึงคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาทช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในตลาดซื้อขายล่วงหน้า และราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ขึ้นมาจ่อที่ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังจากที่มีข่าว บริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ บริษัทท่อส่งน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐถูกโจมตีด้วย ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งส่งผลให้ต้องปิดเครือข่ายการส่งน้ำมันไปยังหลายรัฐทางภาคตะวันออก ทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นและคาดว่าจะมาช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวก พร้อมให้แนวรับ 1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,595 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,777.76 จุด เพิ่มขึ้น 229.23 จุด (+0.66%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,232.60 จุด เพิ่มขึ้น 30.98 จุด (+0.74%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,752.24 จุด เพิ่มขึ้น 119.40 จุด (+0.88%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.72 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 19.07 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 166.34 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 พ.ค.) 1,585.03 จุด เพิ่มขึ้น 13.12 จุด (+0.83%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,187.61 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 พ.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 พ.ค.) ปิด 64.90 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 พ.ค.) อยู่ที่ 2.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.07 แนวโน้มแข็งค่า หลังดอลลาร์อ่อน ให้กรอบวันนี้ 31.00-31.15
  • “ชาญศิลป์” ลุ้นผลประชุมเจ้าหนี้ 12 พ.ค.นี้ ลุยเจรจาเจ้าหนี้การบินไทย 36 กลุ่ม ชี้สัญญาณบวก เสนอลดดอก-ยืดหนี้ เร่งหาทุน 5 หมื่นล้านบาท ชงผู้บริหารแผนคนใหม่แทน “จักรกฤศฏิ์” เจ้าหนี้หนุนกลับเป็นรัฐวิสาหกิจดันธุรกิจรอด “ออมสิน” ลั่นโหวตรับแผนฟื้นฟู ด้านสหกรณ์ 84 แห่งพร้อมหนุน แต่มีเงื่อนไขรัฐช่วยเรื่องทุน ระบุไม่ชัดเล็งเสนอเลื่อนประชุม
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ตั้งเป้าหมายการขึ้นทะเบียนสินค้าที่ผลิตในประเทศ (เมด อิน ไทยแลนด์ : MiT) รวม 100,000 รายการสินค้า ให้ทุกกระทรวงที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) สินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะ อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรโครงสร้างพื้นฐานและอื่นๆ เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ประกอบการในช่วงโควิด-19 ที่กำลังซื้อภาคเอกชนลดลงไปมากมีเพียงกำลังซื้อภาครัฐที่ยังไม่ลดลง โดยจะเร่งเดินสายทำความเข้าใจกับหน่วยงานราชการ และเดือนมิ.ย. จะหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายแสนล้านบาท ต่อด้วยกระทรวงสาธารณสุข
  • บริษัท วิทยุการบิน แห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินปี 2564 หลังเกิดการระบาดของโควิดระลอก 3 ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินประจำปีงบประมาณ 2564 (ระหว่าง ต.ค.63-ก.ย.64) ที่ 323,093 เที่ยวบิน จากเดิมคาดการณ์ไว้ 518,790 เที่ยวบิน ลดลง 38% โดยการระบาดของเชื้อไวรัสส่งผลกระทบต่อปริมาณเที่ยวบิน โดยในช่วงครึ่งแรกของเดือน เม.ย.64 มีปริมาณเที่ยวบินคงที่ แต่ช่วงตั้งแต่หลังเทศกาลสงกรานต์พบว่าปริมาณเที่ยวบินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

หุ้นเด่นวันนี้

  • TIDLOR (บมจ.เงินติดล้อ) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์โดยมีราคาขาย IPO ที่ 36.50 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ”ซื้อ”ประเมินราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 54 บาท คาดกำไรปกติปี 64-66 +31% CAGR สูงสุดในกลุ่มฯ จากทั้งสินเชื่อที่โตดีทั้งจาก Product Innovation และ omni-channel รวมถึง Cost to Income Ratio ที่ต่ำกว่ากว่าคู่แข่งจากระบบ IT ที่ลงทุนและสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว รวมถึงมี Synergy กับ BAY ซึ่งเป็นบริษัทแม่
  • PTTGC (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 80 บาท คาดงบ Q1/64 พลิกมีกำไรสุทธิประมาณ 9.9 พันล้านบาท เทียบกับ Q1/63 ขาดทุนสุทธิ 8.8 พันล้านบาท และเพิ่มขึ้น 54%qoq หนุนโดยราคาและผลิตภัณฑ์ปิโตรฯที่เพิ่มขึ้น และยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมาก
  • SAT (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 20.50 บาท Outlook อุตสาหกรรมดี, คาดงบ Q1/64 ดี ส่วนเรื่อง EV จะช่วยหนุน Sentiment ในอนาคต โดยคาดมาร์จิ้นโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น จาก Economic of Scale หลังคำสั่งผลิตเพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ ประเมินกำไร Q1/64 ที่ 247 ลบ. +28%YoY, +3%QoQ หนุนด้วยยอดขายชิ้นส่วนจักรกลการเกษตรที่เติบโต พร้อมประเมินกำไรสุทธิ ปี 64-65 ที่ 817 ลบ. ลบ และ 938 ลบ. +120%YoY และ +15%YoY ในปี 65 ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top