หุ้นไทยปิดเช้าร่วง 13.37 จุด ตามตลาดภูมิภาคหวั่นเงินเฟ้อสหรัฐเร่งตัว

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,565.56 จุด ลดลง 13.37 จุด (-0.85%) มูลค่าการซื้อขายราว 60,960 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค จากความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐอาจเร่งตัวขึ้นมาที่ 3.6% จากเดือนก่อน 2.6% จะส่งผลให้เฟดลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินบรรยากาศจึงถูกกดดัน ด้านตลาดเอเชียก็เผชิญปัญหาเงินเฟ้อเช่นกันทั้งที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้าจากการแพร่ระบาดโควิด จึงหวั่นธนาคารกลางในเอเชียอาจปรับขึ้นดอกเบี้ย เป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ บ่ายนี้คาดตลาดฯปรับตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญ 1,560 มี Downside และมีโอกาสทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,550 อาจทำเทคนิคเสียภาพและเข้าสู่โหมดปรับฐาน ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,565.56 จุด ลดลง 13.37 จุด (-0.85%) มูลค่าการซื้อขายราว 60,960 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,577.16 จุด และระดับต่ำสุด 1,557.94 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวในแดนลบ จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะรายงานออกมาคืนนี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าอาจเร่งตัวขึ้นมาที่ 3.6% จากเดือนก่อน 2.6% หากเร่งตัวมากกว่านี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะลดการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมถูกกดดันด้วยปัจจัยดังกล่าว

ส่วนทางด้านเอเชียก็เผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน ทั้งที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ช้าเป็นผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่หลายประเทศยังเผชิญอยู่ หากมาเจอปัญหาเงินเฟ้อธนาคารกลางในแถบเอเชียก็อาจจะจำเป็นจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งที่เศรษฐกิจยังไม่ดี จึงเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงโค้งสุดท้ายสัปดาห์นี้ และจับตาจุดแนวรับสำคัญของตลาดสำคัญ เพราะหากหลุดอาจทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะเข้าสู่โหมดปรับฐาน ตลาดบ้านเราก็อาจจะชะลอการลงทุนตามไปด้วย

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,560 จุด จึงมี Downside และมีโอกาสจะลงมาทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,550 จุด หากลงต่ำกว่าแนวนี้ในทางเทคนิคจะเสียภาพและเข้าสู่โหมดของการปรับฐานได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,580 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

TIDLOR มูลค่าการซื้อขาย 4,538.02 ล้านบาท ปิดที่ 42.75 บาท ลดลง 0.25 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,229.58 ล้านบาท ปิดที่ 120.00 บาท ลดลง 5.00 บาท

CBG มูลค่าการซื้อขาย 2,377.65 ล้านบาท ปิดที่ 116.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท

SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 2,300.53 ล้านบาท ปิดที่ 74.00 บาท ลดลง 4.25 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,948.29 ล้านบาท ปิดที่ 490.00 บาท เพิ่มขึ้น 26.00 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top