นายกฯ กำชับทุกหน่วยกระตุ้นคนไทยฉีดวัคซีนโควิด มุ่งสู่การเปิดประเทศโดยเร็ว

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและมั่นใจการฉีดวัคซีนของภาครัฐ สามารถจัดหาวัคซีนได้ทันและฉีดได้รวดเร็ว พร้อมขอให้ทุกหน่วยงานเชิญชวนประชาชนฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพื่อประเทศจะเดินหน้าต่อไปในเรื่องอื่นๆ อาทิ การเปิดประเทศ การทำกิจกรรมต่างและจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้ความรุนแรงในการติดเชื้อลดลง

ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์ได้แนะนำว่า เมื่อฉีดวัคซีนแล้วและหากติดเชื้อ จะไม่ทำให้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ได้ฉีดเกือบครบแล้ว ขณะที่ผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงก็ได้เปิดให้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม หลังจากนั้นจะเดินหน้าฉีดให้ผู้ที่ทำงานมีความเสี่ยง ผู้ที่เดินทางบ่อยและพบปะผู้คนจำนวนมาก เช่น พนักงานขับรถส่งของ ขับรถสาธารณะ พนักงานร้านสะดวกซื้อ พนักงานภาคการท่องเที่ยว เพื่อลดการระบาด โดยในเดือนมิถุนายนจะเริ่มระดมฉีดใน 14 ศูนย์ และจะเดินหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 25 ศูนย์ในเร็วๆนี้ ทั้งนี้จะเปิดให้องค์กรต่างๆ จัดสรรพนักงานที่มีความเสี่ยงทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีนต่อไป

นายอนุชา กล่าวว่า การจัดซื้อวัคซีนนั้น ในเดือน พ.ค.นี้ จะได้รับวัคซีนซิโนแวก 3.5 ล้านโดส และเดือนมิถุนายนจะได้รับแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในไทยอีก 6 ล้านโดส จากนั้นจะได้รับอีกเดือนละ 10 ล้านโดส ส่วนการเจรจาจัดซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่น อยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้า จะจัดซื้อให้ได้ 150 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ เรื่องการติดต่อสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ เรื่องนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรฒซงสาธาณสุข ได้หารือกับตัวแทนบริษัทไฟเซอร์ไปแล้ว และทางบริษัทยืนยันว่า จะมีการสำรองและส่งวัคซีนให้กับประเทศไทยได้ตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสามารถส่งได้ประมาณ 10 ล้านโดส ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 64 เป็นต้นไป และเมื่อมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนกับทางองค์การอาหารและยาแล้ว ทางบริษัทไฟเซอร์ จะขอส่งวัคซีนให้กับทางรัฐบาลก่อน และทางเอกชนสามารถเจรจาสั่งซื้อได้

นายอนุชา กล่าวถึงค่าบริการการจัดซื้อวัคซีนรพ.เอกชนเพิ่มอีก 10% อย่างที่เป็นข่าวนั้นว่า วองค์การเภสัชกรรมยืนยันว่าไม่ได้จัดเก็บ ซึ่งทางผู้นำเข้าวัคซีนจะมีค่านำเข้า ค่าตรวจห้องปฎิการ มีค่าภาษีมูลค่าเพิ่มตามปกติ ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนต้องดูแลอยู่แล้ว

ทั้งนี้ นายอนุชา ยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลต่างๆ ให้ผู้ป่วยติดเชื้อทุกคน ย้ำไม่ให้ทางโรงพยาบาลเรียกเก็บจากผู้ป่วย หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางกฎหมายและหากใครมีผลข้างเคียงจากการรับวัคซีน ทาง สปสช.จะดูแลค่าเยียวยา

นายอนุชา กล่าวถึงการจัดตั้งโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อิมแพค เมืองทองธานี ถือว่า มีความเทียบเท่าโรงพยาบาลทั่วไป และไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม โดยจะดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง โดยมีเตียงพร้อมรับผู้ป่วย 1,092 เตียง และจะขยายออกไปอีกได้มากถึง 5,000 เตียง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี อยากให้หน่วยงานต่างๆ จัดตั้งครัวสนาม แจกจ่ายอาหาร เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชุมชนต่างๆ ล่าสุดทางกองทัพ ก็ได้ช่วยเหลือชุมชนคลองเตยและบางแค เพราะบางคนไม่ได้ติดเชื้อ แต่ต้องกักตัวภายในบ้าน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องนี้

นอกจากนี้ นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความกังวลเรื่องของเฟกนิวส์ โดยเฉพาะเรื่องของวัคซีน ที่มีการแชร์ข้อมูลไม่ถูกต้อง สร้างความสับสนให้กับสังคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้กลุ่มคนเหล่านี้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะถือเป็นการซ้ำเติมและเพิ่มความเดือดร้อนกับประชาชน และให้ดำเนินคดีทันทีหากมีการแชร์ข้อมูลไม่ถูกต้อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top