PTT คาดราคาน้ำมันดิบปี 64 เฉลี่ย 60-65 เหรียญฯ/บาร์เรล-ค่าการกลั่น 2-2.5 เหรียญฯ

บมจ.ปตท. (PTT) คาดว่าราคาน้ำมันดิบในปี 64 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 60-65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์จะอยู่ที่ 2-2.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากรายงานของ IHS ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในช่วงไตรมาส 2/64 จะเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 95.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอยูที่ 64.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/64 ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ และการเพิ่มขึ้นของการใช้วัคซีนไวรัสโควิด-19 ในขณะเดียวกันจะได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากกลุ่ม OPEC+ และประเทศซาอุดีอาระเบีย จะลดกำลังการผลิตลง

ด้านราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ ในไตรมาส 2/64 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/64 โดยมีปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งจากราคาน้ำมันดิบละแนฟทาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคา HDPE และ PP จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,230-1,250 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 1,370-1,390 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ จากความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น แต่อาจจะได้รับแรงกดดันจากเทศกาลหยุดยาวในประเทศจีน และญีปุ่น รวมไปถึงกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นในประเทศจีน อินเดีย และเกาหลีเป็นต้น

ราคาผลิตภัณฑ์อะดรเมติกส์ในไตรมาส 2/64 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยราคา BZ เฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 875-895 เหรียญสหรัฐ/ตัน และราคา PX คาดว่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 810-830 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากแนวโน้มความต้องการแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตามอุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการกลับมาดำเนินการผลิตหลังปิดซ่อมฉุกเฉินของผู้ผลิตในเอเชีย และหลังการหยุดผลิตชั่วคราวของผู้ผลิตในสหรัฐ รวมถึงกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามา

ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาส 2/64 มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/64 จากการกระจายวัคซีนที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในหลายประเทศ ประกอบกับมีปัจจัยหนุนจากนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลาย และมาตรการการคลังที่ยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะฟื้นตัวชะลอลงจากการใช้นโยบายการเงินและการคลังที่มีความระมัดระวังเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ประกอบกับฐานที่สูงหลังจากเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/63

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ คาดว่าจะฟื้นตัวเร่งขึ้น จากฐานที่ต่ำมากในปีก่อน ประกอบกับแรงสนับสนุนจากการเร่งผลิตและฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงมาตรการช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม วงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ การฉีดวัคซีนที่คาดว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้น และปัญหาการระบาดระลอก 3 ในภูมิภาค โดยรวมเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะยืดเยื้อ ประสิทธิภาพของวัคซีนต่ำ และการกระจายตัวของวัคซีนที่อาจจะล่าช้าและไม่ทั่วถึง

ส่วนเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/64 คาดว่าจะฟื้นตัวจากไตรมาส 1/64 โดยคาดว่าการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนจะฟื้นตัวชะลอลงท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ปกติ สำหรับภาคการท่องเที่ยว มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นและการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว เช่นเดียวกับการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวต่อเนื่องตามาตรการพยุงเศรษฐกิจเพิ่มเติม และการลงทุนขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไทย และหลายประเทศที่อาจจะมีการยืดเยื้อ การฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ความไม่แน่นอนของแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยว ปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง ความเสี่ยงจากสถานการณ์ภัยแล้ง และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคเอกชนที่สูงขึ้น

สำหรับผลประกอบการของ PTT ในไตรมาส 1/64 รายได้ของกลุ่ม ปตท.อยู่ที่ 477,837 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 70,663 ล้านบาท หรือ 17.4% จากไตรมาส 4/63 โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) อยู่ที่ 102,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31,383 ล้านบาท หรือ 43.8% จากไตรมาสก่อน

เนื่องด้วยผลการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ซึ่งเป็นผลจากราคาปิโตรเลียมและปิโตรเคมีในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ฟื้นตัวหลังจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) รวมถึงการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ

ทั้งนี้ กำไรสุทธิในไตรมาส 1/64 มีจำนวน 32,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,441 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% จาก 13,147 ล้านบาทในไตรมาสก่อน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top