BANPU คาดผลงาน Q2/64 โตกว่า Q1/64 จากราคาถ่านหินปรับขึ้นแตะ 100 เหรียญสหรัฐฯ

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 1/64 จากปัจจุบันราคาตลาดของถ่านหินปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 101 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 89.8 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่งผลดีต่อราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง BANPU ก็มีการเน้นจำหน่ายถ่านหินในราคาสปอตมากขึ้น โดยไตรมาส 1/64 ราคาถ่านหินของบริษัทขายอยู่ที่ระดับสูง 68 เหรียญสหรัฐต่อตัน มีต้นทุนราคาถ่านหินเฉลี่ย 44 เหรียญสหรัฐต่อตัน

ทั้งนี้ราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น มีปัจจัยมาจากจีนซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ มีการกีดกันการนำเข้าถ่านหินจากออสเตรเลีย จึงผลต่อราคาถ่านหิน อีกทั้งผู้ใช้ถ่านหินรายใหญ่ในญี่ปุ่นปีนี้ไม่มีการซื้อขายระหว่างออสเตรเลีย ส่งผลให้คนต้องการใช้ถ่านหินต้องซื้อในตลาด Spot เพียงอย่างเดียว ทำให้ตลาดดังกล่าวซื้อขายคึกคักมากขึ้น รวมถึงผลของหน้าหนาวในสหรัฐฯ หนุนความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่ม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้หนุนให้ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยภาพรวมตลาดล่วงหน้าราคาถ่านหินถึงปลายปี 64 มีราคาเกินกว่าระดับ 90 เหรียญสหรัฐต่อตันแล้ว

นอกจากนี้ราคาก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ก็น่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายยอดขายถ่านหินปีนี้ไว้ที่ 43 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 38.8 ล้านตัน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ต้นทุนลดลง ซึ่งมีเป้าหมายลดต้นทุนทั้งในเหมืองถ่านหินออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย โดยเฉลี่ยคาดจะสามารถลดต้นทุนลงได้มากกว่าปีก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำ Digital Transformation และการบริการต้นทุนให้ดีขึ้น

สำหรับธุรกิจ Banpu NEXT ยังมีผลขาดทุนจากการเริ่มลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นธรรมชาติของการเริ่มธุรกิจ แต่หลังจากนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น และแพลตฟอร์มจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานเป็นกำไรในระยะยาวได้ในอนาคต

ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้า ด้านธุรกิจติดตั้งโซลาร์ลอยน้ำในนิคมหลักชัยเมืองยาง กำลังการผลิต 16 เมกกะวัตต์ ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 4/64 หรืออย่างช้าสุดไม่เกินไตรมาส 1/65

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top