เลขาฯ พปชร.ขอบคุณทุกคะแนนเสียง เตรียมปรับกลยุทธ์การทำงานหลังพ่ายแพ้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต จตุจักร-หลักสี่ ว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องเคารพเสียงของประชาชนและขอขอบคุณประชาชนที่ได้มอบคะแนนให้ทุกคะแนน ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ชนะ ทางพรรคก็จะกลับไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ในเรื่องที่อยากจะให้พรรคดำเนินการ ซึ่งตนในฐานะรักษาการเลขาธิการพรรค จะนำสิ่งที่ประชาชนในเขตจตุจักร-หลักสี่ ไปศึกษา เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ประชาชน ว่าอยากให้พรรคทำอะไรบ้าง เพื่อไปนั่งอยู่ในใจของประชาชน

“ผมในฐานะมารับตำแหน่งเลขาธิการพรรค มีความมั่นใจ เราสามารถที่จะปรับกระบวนการต่างๆ ปรับวิธีการทำงานต่างๆ และดำเนินการแบ่งงานของ ส.ส. และทีมงาน ไปลงพื้นที่ เพื่อรับความต้องการ รับสิ่งที่ประชาชนต้องการให้พรรคผลักดันในนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดต้นทุน การดำรงชีพของประชาชนในกทม.และชนบท ทั้งประเทศ และต้องการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของแต่ละภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ได้”

 นายสันติ กล่าว

ส่วนคะแนนที่ออกมาสะท้อนความนิยมของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ กทม.ได้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า คะแนนที่ออกมามีหลายภาคส่วน และตนเองจะนำเอาสิ่งที่ประชาชนชี้แนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ไปเป็นสิ่งที่จะสร้างความพึงพอใจให้ประชาชนต่อไป

ทั้งนี้ การแพ้ใน 3 เขตเลือกตั้ง หลายคนมองว่าเป็นช่วงขาลงของพรรค และความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐลดลง นายสันติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ทุ่มเททำงานในช่วงวิกฤตของบ้านเมืองมากว่า 7 ปี ทำงานภายใต้มรสุมตลอดมา แต่ขณะนี้เกิดสถานการณ์โควิด-19 นายกรัฐมนตรีก็ยังดูแล คุณภาพชีวิตของประชาชนได้เป็นอย่างดี แม้จะลำบากไปบ้างในภาวะเช่นนี้แต่ตนชื่นชมในความตั้งใจความทุ่มเทของนายกฯ เพราะคิดทุกอย่างเพื่อพัฒนาประเทศ เช่น การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย

ส่วนหลายฝ่ายมองว่า ชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถขายได้แล้ว นายสันติ กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นคนละประเด็นกัน นายกรัฐมนตรีทำงานทุ่มเทเพื่อประชาชน ส่วนเรื่องแพ้ชนะ เป็นเรื่องของพรรคที่จะต้องปรับปรุง การบริหารจัดการ การสร้างผลงานให้ตรงใจของประชาชน ที่มีความต้องการในแต่ละยุคแต่ละสมัย

ส่วนที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรค ออกมาให้ความเห็นว่า ศัตรูของศัตรูคือมิตรนั้น ตนเองมองว่า เราเป็นพรรคการเมืองมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขและพัฒนาประเทศ เราไม่คิดถึงเรื่องศัตรูของศัตรู หรืออะไรก็แล้วแต่ เรามีหน้าที่พัฒนานโยบายให้เยาวชนมีศักยภาพในการแข่งขัน การค้นคว้าวิจัย และต้องผลักดันให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศ และจะทุ่มเททำเรื่องยาก เพื่อยกระดับการพัฒนาศักยภาพให้ประชาชนและนักลงทุน

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนที่มาใช้สิทธิออกเสียงในการเลือกตั้ง และขอขอบคุณประชาชนที่ลงคะแนนเลือกผู้สมัครส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าครั้งที่แล้ว จาก 70% ลดเหลือ 50% ซึ่งไม่ทราบว่า ส่วนที่ขาดหายไปนั้นเป็นคะแนนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องมีผู้รับผิดชอบในผลการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 4 และได้คะแนนเสียงไม่ถึงหลักหมื่น ซึ่งจะไปบอกว่าใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดก็คงไม่ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ เราต้องเคารพเสียงของประชาชนที่ลงคะแนน

สำหรับกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กหลังทราบผลการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าศัตรูของศัตรูคือมิตร และแสดงความยินดีกับประชาธิปไตย นายอนุชา กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ และคงไม่ไปวิเคราะห์ผู้ที่ให้ความคิดเห็นทางการเมืองในหลากหลายมติ ขอให้เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top