“โค้ก” ตั้งเป้าใช้ขวดรีไซเคิล 25% ภายในปี 73 หวังลบภาพก่อมลพิษพลาสติก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ว่า โคคา-โคล่า บริษัทผลิตเครื่องดื่มอัดลมสัญชาติสหรัฐ จะตั้งเป้าหมายให้บรรจุภัณฑ์ 25% ของโคคา-โคล่าทั่วโลกนั้นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ภายในปี 2573

โคคา-โคล่าได้ตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์อันดับหนึ่งของผู้บริโภค, นักลงทุน และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งวิตกเกี่ยวกับการที่โคคา-โคล่าใช้ขวดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวที่ผลิตจากปิโตรเลียม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ รวมถึงการที่มีขวดดังกล่าวถูกทิ้งเป็นขยะอยู่เต็มมหาสมุทร

ทั้งนี้ รายงานประจำปีของกลุ่ม “ปลอดมลพิษจากพลาสติก” (Break Free From Plastic) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนต.ค.ปี 2564 นั้น ระบุว่า โคคา-โคล่าเป็นผู้ก่อมลพิษพลาสติกที่เลวร้ายที่สุดของโลก 4 ปีติดต่อกัน

เอ็มมา พรีสต์แลนด์ ผู้ประสานงานแคมเปญบริษัทระดับโลกของกลุ่มฯ กล่าวว่า “เราหวังว่าบริษัทอื่น ๆ จะดำเนินรอยตามโค้ก แล้วตั้งเป้าหมายในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้”

โคคา-โคล่าอ้างถึงแนวทางของมูลนิธิเอลเลน แมคอาร์เธอร์เกี่ยวกับการนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำว่า บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่จะรวมถึงภาชนะที่บริษัทหรือผู้บริโภคสามารถเติมผลิตภัณฑ์เดิมซ้ำได้ อาทิ ภาชนะสำหรับตู้กดน้ำอัดลมแบบรีฟิล ตลอดจนขวดแก้วหรือขวดพลาสติกที่สามารถเติมเครื่องดื่มใหม่ได้ หรือสามารถเก็บส่งคืนให้บริษัท

โคคา-โคล่าระบุว่า 16% ของบรรจุภัณฑ์ของทางบริษัทเป็นแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในปี 2563 และบริษัทได้ทำการเก็บคืนภาชนะแก้วหรือพลาสติกที่สามารถบรรจุเครื่องดื่มใหม่ได้ราว 90% ในปีเดียวกัน

ด้านผู้จัดการกองทุนกรีน เซนจูรี แคปิตอล แมเนจเมนต์ระบุในแถลงการณ์ว่า ประกาศของโคคา-โคล่าเมื่อวานนี้นับเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายดังกล่าว และเป็น “การเปลี่ยนกลยุทธ์ที่น่ายินดี” โดยก่อนหน้านี้ กองทุนดังกล่าวและ “แอส ยู โซ” (As You Sow) กลุ่มนักลงทุนที่เคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ได้ยื่นข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่เรียกร้องให้โคคา-โคล่าลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

นายเจมส์ ควินซีย์ ซีอีโอของโคคา-โคล่ากล่าวในการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4/2564 เมื่อวานนี้ว่า หากบริษัทบรรลุเป้าหมายใหม่นี้ได้ ก็จะบรรลุวัตถุประสงค์ ‘โลกไร้ขยะ’ (World Without Waste) ของเราได้ง่ายขึ้น โดยเราตั้งใจจะเก็บคืนทุกขวดหรือทุกกระป๋องที่เราขายให้ได้ภายในปี 2573″

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top