ผู้นำฝ่ายค้านฯ เปิดประเด็นแพงจนพังทั้งแผ่นดินซักฟอกรัฐบาลบริหารล้มเหลว

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การยื่นญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เนื่องจากเห็นว่าการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมาเกิดความล้มเหลวจนส่งผลให้สถานการณ์ขณะนี้ถือเป็นวิกฤตของประเทศที่ต้องได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้มุ่งหวังที่จะโจมตีรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องการเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี

“ฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นว่าอะไรคือปัญหาที่รัฐบาลเห็นว่าไม่ได้เป็นปัญหา ทำให้เพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหา ฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นว่าแพงจนพังทั้งแผ่นดินคืออะไร”

นพ.ชลน่าน กล่าว

ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ปัญหาความล้มเหลวในการบริหารราชการของรัฐบาลเริ่มต้นมาตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อ 7 ปีก่อน โดยมีการกู้เงินจำนวนมหาศาลจนทำให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะ, ปัญหาราคาสินค้าแพงจนทำให้มีอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นจากต้นทุนการผลิต, ปัญหาค่าแรงถูกและการว่างงาน, ปัญหาระบบการเงินที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนจนส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเล็กต้องล้มหายตายจากไป, ปัญหาการปฏิรูปการเมืองที่ไม่มีการกระจายอำนาจจนส่งผลให้เกิดความล้าหลัง 40 ปี, ความน่าเชื่อถือในสายตาของนานาชาติลดลงทำให้เสียโอกาสในการแข่งขันกับต่างประเทศ, ความล่าช้าในการพัฒนาระบบดิจิทัล, ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ, ปัญหาโรคระบาดในสัตว์ที่มีการปกปิดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่, ปัญหาโรคโควิด-19 ที่มีการจัดหาวัคซีนล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพ, ปัญหาประมงผิดกฎหมาย, ปัญหายาเสพติด, ปัญหารถไฟฟ้า, ปัญหาราคาสินค้าแพง, ปัญหาราคาน้ำมันแพง

“ครั้งนี้ไม่ถึงกับเก็บศพหรอกครับ แต่หามขึ้นรถส่งไอซียู ถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหา รอให้ถึงเดือนพฤษภาฯ ต้องเก็บศพแน่”

นพ.ชลน่าน กล่าว

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า รัฐบาลใช้กลไกรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองที่ก้าวเข้าสู่อำนาจ และทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยจนกลายเป็นต้นเหตุของปัญหา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพของรัฐบาลที่เปราะบาง เพราะเกิดการแก่งแย่งอำนาจ

ในส่วนของการปัญหาราคาน้ำมันแพงด้วยการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาทนั้นเป็นการผลักภาระให้กับคนจนส่วนใหญ่ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ได้แก่ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ 21 ล้านคัน, เครื่องยนต์ทางการเษตร ขณะที่รถซูเปอร์คาร์ใช้น้ำมันดีเซล มาตรการนี้เท่ากับให้คนจนไปอุ้มคนรวย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.พ. 65)

Tags: , , ,
Back to Top