SVT เป้าปีนี้โตต่อเนื่องลุยเพิ่มตู้ขายสินค้าฯ 2 พันเครื่อง-รุกประเทศเพื่อนบ้าน

นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี (SVT) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าในปีนี้จะสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มเครื่องวางตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอีกประมาณ 2,000 เครื่อง กระจายติดตั้งในหลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น ประกอบกับบริษัทได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บมจ.ซันสวีท (SUN) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรอื่นๆ ภายใต้ตราสินค้า KC ซึ่งเป็นการเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้นและเพิ่มช่องทางการขยายพื้นที่ในการวางเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ประกอบกับบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงในเร็วๆ นี้ด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 64 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,963.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 195.96 ล้านบาท หรือ 11.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 66.69 ล้านบาท เนื่องจากการกระจายของเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่มีมากกว่า 14,000 เครื่อง ในพื้นที่กว่า 26 จังหวัด รวมทั้งมีสินค้าที่หลากหลายและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงประมาณการอายุการใช้งานของเครื่องจำหน่ายสินค้า ทำให้ค่าเสื่อมราคาในปีที่ผ่านมาปรับลดลง

บริษัทมีรายได้หลักจากการขายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ อยู่ที่ 1,922.86 ล้านบาท จากการเพิ่มพื้นที่วางตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในจุดใหม่ๆ เช่น สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แอร์พอร์ตลิ้งค์ และคอนโดมิเนียมต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปในยุค New Normal และมีรายได้จากการขายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ อยู่ที่ 18.28 ล้านบาท

ส่วนรายได้จากค่าบริการพื้นที่บนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพื่อโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้จากการติดสื่อโฆษณาบนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เพื่อโฆษณาสินค้าของลูกค้าที่ทำการติดตั้ง มีรายได้อยู่ที่ 10.20 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ อยู่ที่ 6.41 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการให้บริการแลกเหรียญและค่าบริการหลังจาการขายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ รวมถึงบริษัทยังมีรายได้อื่นๆ ได้แก่ รายได้จากค่าเช่าเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ค่าธรรมเนียมการวางสินค้า ปันผล กำไรจากการขายสินทรัพย์ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น โดยมีรายได้อยู่ที่ 5.57 ล้านบาท

“รายได้ของบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมา ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นและเมื่อเทียบกับปี 63 แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลทำให้พื้นที่วางจำหน่ายสินค้าในบางแห่งจำต้องปิดให้บริการ เช่น พื้นที่ในสถานศึกษา โรงแรม แต่เนื่องจากอุตสาหกรรมการส่งออกที่เริ่มดีขึ้นและโรงงานอุตสาหกรรม กลับมาเปิดทำการมากขึ้น แม้จะมีการลดวันทำงานหรือปิดการดำเนินงานชั่วคราว ประกอบกับการเพิ่มจำนวนเครื่องวางสินค้าและการเพิ่มประเภทของสินค้า ให้ครอบคลุมและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น จึงทำให้ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง”

นางอาภัสรา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.พ. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top