BPP เดินหน้ามุ่งสู่เป้ากำลังการผลิตเพิ่ม 500-700 MW ปีนี้ ศึกษาลงทุนในสหรัฐ

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทยังคงมุ่งสร้างการเติบโตทั้งโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (HELE & Thermal power) และพลังงานสะอาด (Renewable) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด โดยมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้อีกราว 500-700 เมกะวัตต์ โดยแหล่งเงินลงทุนส่วนหนึ่งจะมาจากการขายโรงไฟฟ้า Sunseap ในสิงคโปร์

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการขายหุ้นโรงไฟฟ้าสิงคโปร์ หรือ Sunseap ในช่วงที่ผ่านมา โดยเงินที่ได้จากการขายดังกล่าวราว 11,363 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจพลังงานสะอาด ซึ่งมีเป้าหมายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 5,300 เมกะวัตต์ภายในปี 68 แบ่งเป็น HELE & Thermal power 4,500 เมกะวัตต์ และ Renewable 800 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 3,100 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น HELE & Thermal power จำนวน 2,860 เมกะวัตต์ และ Renewable 264 เมกะวัตต์

บริษัทได้มีการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ จำนวน 3 แห่ง ในประเทศเวียดนาม ประกอบด้วยโครงการชูง็อก (Chu Ngoc) กำลังผลิต 8 เมกะวัตต์, โครงการน็อนไห่ (Nhon Hai) กำลังผลิต 18 เมกะวัตต์ และโครงการเอสโก (ESCO) กำลังผลิต 31 เมกะวัตต์ เข้ามาเติมพอร์ตเพิ่ม ซึ่งในตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการทางเอกสาร คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรตามการลงทุนได้ในไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป

บริษัทยังได้เริ่ม COD โครงการชิราคาวะ (Shirakawa) กำลังผลิต 5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้เข้ามาได้เพิ่มในไตรมาสแรกของปีนี้ และจะรับรู้ได้อย่างเต็มที่ในไตรมาสถัดไป และคาดว่าจะ COD โรงไฟฟ้า Vinh chauproject เฟส 1 กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 1/65 (ก่อสร้างไปแล้ว 83%),โรงไฟฟ้า SLG ยังมีแผนจ่ายไอน้ำให้กับอุตสาหกรรม และครัวเรือน ในปีนี้ด้วย รวมถึงโปรเจกต์ Floating Solar กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ คาดจะ COD ได้ในครึ่งปีแรกของปีนี้

ปัจจุบันบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปที่ใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions : HELE) ในตลาดหสรัฐอเมริกา รวมถึงโครงการที่เป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable) อยู่หลายโครงการ โดยเฉพาะในตลาดที่บริษัทมีการเข้าไปลงทุนอยู่แล้ว เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการความมั่นคงทางพลังงานสูง และภาครัฐให้การสนับสนุนทางด้านพลังงาน

สำหรับราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสงครามรัสเซียและยูเครน ทางรัฐบาลจีนอนุมัติให้ผู้ประกอบการพลังงานปรับราคาขายได้ตามต้นทุนถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยคาดดัชนีราคาถ่านหินปีนี้มีแนวโน้มที่จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 700-850 RMB/ตัน ซึ่งมองว่าไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนของโรงไฟ้า HPC แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นเหมืองปากบ่อ ดังนั้นจึงไม่มีค่าขนส่ง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 มี.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top