จุรินทร์ โชว์วิสัยทัศน์-ผลงานปชป.แก้เศรษฐกิจ ชูพรรคการเมืองกลไกสำคัญขับเคลื่อนนโยบาย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ “ยุทธศาสตร์ การนำเศรษฐกิจผ่านพ้นวิกฤติโควิด” ในงาน Go Together ,Go Further ว่า โจทย์เศรษฐกิจการค้าของไทย มีโจทย์ใหม่ที่ยากขึ้น ไม่ได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อน 2 ปีเศษที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้เจอเฉพาะโควิด แต่เจอทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่ประดังเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุดที่ซ้ำเติมคือสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กระทบทั้งโลก และกระทบประเทศไทยของด้วย

ซึ่งวันนี้ได้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่เราต้องรับโจทย์นี้มาแก้ ซึ่งก็คือการที่โลกนำเรื่องการเมืองกับเศรษฐกิจมามัดรวมกันเหมือนข้าวต้มมัด และปรากฏการณ์นี้กำลังบังคับโลกให้แบ่งค่ายแบ่งขั้วทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ผูกพันกันอย่างแยกไม่ออก จึงถือว่าความท้าทายสำคัญที่ทุกคนต้องคิด และประชาธิปัตย์ก็ต้องคิด และไทยต้องยืนหยัดเผชิญวิกฤตผนึกกำลังกันให้เหนียวแน่นกับอาเซียน ถ้าเราจับมือผนึกรวมกันในนามอาเซียน เราอาจจะสามารถฝ่าพายุวิกฤตไปได้ เพราะลำพังเราคนเดียวอาจจะตัวเล็กเกินไปหรือกำลังไม่พอ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องมีคำตอบทิศทางเศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะเดินไปทางไหน ซึ่งคิดว่า ไทยต้องเป็นประเทศใช้เศรษฐกิจผสมผสาน ไม่หนักทางใดทางหนึ่งจนกลายเป็นว่า มีรายได้ทางเดียวเท่านั้น คนที่จะขับเคลื่อนนโยบาย คือ พรรคการเมือง เพราะพรรคการเมืองคือกลไกทางการเมืองสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนนโยบายไปสู่ความสำเร็จให้กับประเทศ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีอดีต ปัจจุบันและอนาคตต่อไป เพราะเป็นอนาคตของคนทุกรุ่น ทั้งรุ่นอาวุโส รุ่นกลาง และมีคนรุ่นใหม่ รวมทั้งเลือดใหม่ที่เดินเข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรค ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในนามประชาธิปัตย์มีคนรุ่นใหม่อยู่ไม่น้อยกว่า 30-40% และเป็นผู้ที่มีศักยภาพและมีความรู้ความสามารถที่จะขับเคลื่อนประชาธิปัตย์ต่อไปได้

ทางพรรคมีทีมเศรษฐกิจทันสมัย ที่นำโดย นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย เพราะเรารู้ว่าอนาคต นวัตกรรมใหม่ทางเศรษฐกิจจะต้องเกิดขึ้น เช่นเดียวกับการที่เราหนีไม่พ้น Metaverse บล็อกเชน การซื้อขาย Cryptocurrency ขณะที่ประเทศไทยจะต้องไม่ทิ้งเศรษฐกิจฐานเกษตร Bio Economy ที่จะทำให้เรายืนอยู่ได้ต่อไปในอนาคต ซึ่ง Bio Economy นั้นจำเป็นต้องใส่เทคโนโลยีและนวัตกรรมลงไปด้วย ซึ่งจากนี้การส่งออกของไทยต้องไม่ส่งออกเฉพาะสินค้ากับบริการแต่ต้องเติม Soft Power ลงไปด้วย

“ประชาธิปัตย์คือพรรคการเมืองของคนทุกรุ่น และไม่ได้มีอดีตกับปัจจุบัน แต่จะมีอนาคตต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย เราได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนมาแล้ว แม้แต่วิสัยทัศน์มีความคิดความอ่านในการที่จะพาประเทศไปข้างหน้า เราคิดทุกวันแล้วเราก็ทำทุกวันเมื่อเรามีโอกาส เพราะการบ้านประเทศคือการบ้านประชาธิปัตย์ ขอให้มั่นใจว่าการสนับสนุนของทุกท่านครั้งนี้ท่านได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดและดีที่สุดพรรคหนึ่งของประเทศ” นายจุรินทร์ กล่าว

ทั้งนี้ในการเข้าร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ มีนโยบายส่งออกเชิงรุกที่ทำให้การส่งออกโตได้ถึง 17.1% สามารถนำรายได้เข้าประเทศได้ถึง 8.5 ล้านล้านบาท ทั้งหมดเกิดจากปัจจัยหลายประการ ที่ประชาธิปัตย์มั่นใจว่าเราเดินมาถูกทิศทาง ตั้งแต่หลักคิดรัฐหนุนเอกชนนำ การตั้ง กรอ.พาณิชย์ขึ้นเป็นครั้งแรก การค้าชายแดน ที่เฉพาะปี 64 การค้าชายแดนเป็นบวกได้ ขณะที่รอบบ้านติดปัญหาโควิด รวมไปถึงการทำ Mini FTA ซึ่งเป็นการนำกระทรวงพาณิชย์ ไปทำสัญญาการค้าข้อตกลงกับรัฐ มณฑลต่างๆ

รวมทั้งได้เปิดตลาดตะวันออกกลาง ที่ได้ใช้ความพยายามเจรจากับซาอุดิอาระเบียมา 1 ปีเต็ม ซึ่งในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ตนเองกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะไปการส่งเสริมการส่งออกไก่ล็อตแรกไปประเทศซาอุดิอาระเบีย สิ่งเหล่านี้คือความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มี.ค. 65)

Tags: ,
Back to Top