แบงก์ชาติออสซี่ส่งสัญญาณใกล้ปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อพุ่งแรง

รายงานการประชุมประจำเดือนเม.ย.ของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ระบุว่า RBA ใกล้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างมาก รวมทั้งภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานที่ส่งผลให้ค่าจ้างปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้ RBA มองว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของออสเตรเลียพุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมายของ RBA ที่ระดับ 2-3% ในไตรมาสแรกปีนี้ และคาดว่าจะมีบริษัทเอกชนจำนวนมากขึ้นที่เตรียมผลักภาระราคาสินค้าที่สูงขึ้นไปให้กับผู้บริโภค ส่วนอัตราค่าจ้างนั้น แม้ปรับตัวลง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้น และคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4% หรือต่ำกว่านั้น

“สถานการณ์ดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ RBA ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี สำหรับในช่วงไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ อาจจะมีหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมให้เราสามารถประเมินสถานการณ์เงินเฟ้อและต้นทุนแรงงาน”

รายงานการประชุมระบุ

ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น RBA มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% อย่างไรก็ดี RBA ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งสวนทางกับที่เคยให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายการเงินด้วยความอดทน

นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการ RBA ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมวันดังกล่าวว่า “ในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้ คาดว่าจะมีหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมให้คณะกรรมการ RBA ได้ทำการพิจารณา ซึ่งรวมถึงอัตราเงินเฟ้อและต้นทุนด้านแรงงาน โดยคณะกรรมการจะประเมินข้อมูลเหล่านี้และข้อมูลที่จะได้รับในวันข้างหน้า เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบายต่อไป”

สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายผู้บริโภคในวันที่ 27 เม.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานจะพุ่งขึ้นอย่างน้อย 3.2% ในไตรมาสแรก ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ดัชนี CPI พื้นฐานสูงกว่าเป้าหมายของ RBA ที่ระดับ 2-3% และอาจเปิดทางให้ RBA ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า RBA อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมวันที่ 7 มิ.ย.นี้ และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 7 ครั้ง สู่ระดับ 2% ภายในปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 เม.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top