“เจฟฟ์ เบซอส” ชี้ธุรกิจเทสลาในจีนอาจถูกกระทบหลัง “อีลอน มัสก์” ซื้อทวิตเตอร์

นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งบริษัทแอมะซอนดอทคอมได้โพสต์ข้อความเพื่อตั้งคำถาม หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทเทสลาได้บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัททวิตเตอร์วงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนายเบซอสกล่าวว่า “การซื้อทวิตเตอร์จะทำให้ธุรกิจของเทสลาในประเทศจีนมีปัญหาหรือไม่?”

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายเบซอสได้โพสต์หลายข้อความในทวิตเตอร์ ส่งผลให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจในประเด็นที่นายมัสก์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่สุดของโลกและเป็นที่ตั้งโรงงานในต่างประเทศแห่งแรกของเทสลา โดยกว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์เทสลาที่จำหน่ายทั่วโลกนั้น ผลิตที่โรงงานในเมืองเซี่ยงไฮ้ และนายมัสก์ก็เชื่อมั่นว่ายอดการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

“นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก รัฐบาลจีนจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากทวิตเตอร์ซึ่งเป็นเหมือนจัตุรัสแห่งการแสดงความเห็นสาธารณะ แต่สำหรับผมแล้ว ผมตอบได้เลยว่า รัฐบาลจีนไม่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ผมมองว่าผลที่ตามมาไม่ใช่การที่จีนจะเซ็นเซอร์ทวิตเตอร์ แต่กลายเป็นว่าธุรกิจของเทสลาจะเผชิญกับความซับซ้อนในประเทศจีน”

นายเบซอสกล่าว

นายมัสก์ได้ชูแคมเปญเสรีภาพในการพูดบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ หลังจากบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์ อย่างไรก็ดี ทวิตเตอร์ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมสูงสุดของชาวอเมริกัน กลับถูกห้ามใช้งานในประเทศจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการแสดงความเห็นอย่างเปิดกว้างบนพื้นที่สาธารณะ

ที่ผ่านมานั้น กิจการเทสลาในประเทศจีนมีความก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากลดหย่อนภาษี, เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และการที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้บริษัทต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม เทสลาได้เผชิญแรงกดดันในปีที่แล้ว หลังจากสื่อและหน่วยงานของรัฐบาลจีนได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับทัศนคติของเทสลาที่มีต่อลูกค้า

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2564 รัฐบาลจีนได้สั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำรถยนต์ของบริษัทเทสลาเข้ามาจอดภายในบริเวณอาคารสำนักงานของรัฐบาล เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับกล้องหลายตัวที่ติดตั้งมากับรถยนต์

นอกจากนี้ เมื่อเดือนมี.ค.ปีเดียวกัน รถยนต์ของเทสลาได้ถูกสั่งห้ามเข้าไปจอดในศูนย์บัญชาการทหารบางแห่งในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากทางการจีนกังวลเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับกล้องที่ติดมากับรถยนต์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 เม.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top