GRAMMY คาดรายได้ปีนี้โตกว่าปีก่อนจากธุรกิจหลักฟื้น-มุ่งสู่ 7 สิ่งใหม่

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจจีเอ็มเอ็ม มิวสิค บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปี 65 เติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 3.89 พันล้านบาท เป็นไปตามธุรกิจหลักที่ฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจเพลงและดิจิตอล, ธุรกิจโชว์บิช หรือการจัดคอนเสิร์ต และเฟสติวัล รวมทั้งธุรกิจบริหารศิลปิน เนื่องจากภาครัฐมีการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ตลอดจนการเปิดประเทศ ส่งผลดีต่อการบริโภคฟื้นตัว กลับมาจัดกิจกรรมต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น ทำให้บรรยากาศโดยรวมมีความคึกคักมากขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทก็จะมุ่งเน้นสิ่งใหม่ๆ 7 เรื่องในปีนี้ ได้แก่

1. New Artist หรือศิลปินใหม่ที่จะมีกว่า 70 คน, เพลงใหม่อีก 400 เพลง รวมถึงอัลบั้มเต็มที่เตรียมจะเปิดตัวในปีนี้

2. New Platform การออกแพลตฟอร์มใหม่ ภายใต้ชื่อ Plern เป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับฟังเพลงที่รวมเพลงจากค่ายแกรมมี่ และค่ายอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดดาวน์โหลดแล้ว 2 ล้านดาวน์โหลด

3. New Showbiz ตั้งเป้าขยายธุรกิจเฟสติวัลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และขยายเข้าไปในเซ็กเมนต์ใหม่ที่เป็นไลฟ์สไตล์ บวกกับการยึดพื้นที่ Indoor คอนเสิร์ตด้วยรูปแบบใหม่ลักษณะ Theme ซึ่งวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) จะเป็นวันแรกและงานแรกที่กลับมาจัดเฟสติวัล โดยบัตรสามารถจำหน่ายหมดภายใน 3 วัน หวังว่าจะเป็นการเปิดตลาดและสามารถจัดงานได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี

4. New Digital Asset หรือการสร้าง Music NFT เพื่อต่อยอดรายได้ในอนาคต โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงของการทดลองตลาด และรายได้ยังไม่เกินหลัก 100 ล้านบาท

5. New Service โดยจะให้บริการในลักษณะ Music Solution อย่างครบวงจร

6. New Channel ขยายสาขาการจัดจำหน่ายเชิงยุทธศาตร์ใหม่ๆ

7. New Joint Venture โดยปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการร่วมทุนกับบริษัท วายจีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ อิงค์ (YG Entertainment) บริษัทพัฒนาศิลปินไอดอลจากเกาหลีใต้ ภายใต้ชื่อบริษัทร่วมทุน วายจีเอ็มเอ็ม เพื่อประกอบธุรกิจด้านบันเทิงทุกชนิด ที่ผ่านมาก็มีผู้สนใจเข้ามาออดิชั่นจำนวนมาก

“ธุรกิจหลักที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต ในกลุ่มของธุรกิจเพลง อันดับแรกเป็นเรื่องของการเติบโตรายได้ดิจิทัล ให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านยุทธศาสตร์ในเชิงคุณภาพและปริมาณ ธุรกิจที่ 2 เราอยู่ในช่วงของการลงทุน การผลิตศิลปินใหม่ เมื่อศิลปินเกิดขึ้นก็จะสะท้อนภาพไปที่กล่มธุรกิจบริหารศิลปิน ที่เป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด และธุรกิจที่ 3 คือ ธุรกิจโชว์บิช เราก็มีการขยายตลาดเพิ่ม อีกทั้งเรายังมีการขยายธุรกิจใหม่ ธุรกิจแพลตฟอร์ม อย่าง Plern และการลงทุนกับศิลปินใหม่ผ่านการจับมือกับ YGMM ซึ่งตรงนี้จะเป็นยุทธศาสตร์ที่เราจะเติบโตขึ้นในอนาคต”

นายภาวิต กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top