กลุ่ม PROUD ทุ่ม 4.5 พันลบ.เปิดโครงการ อันดามันดา ภูเก็ต ร่วมปลุกท่องเที่ยวฟื้น

นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่ม บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในการพัฒนาพื้นที่บริการที่หัวหิน โดยเฉพาะ โครงการ วานา นาวา ซึ่งเป็นมิกซ์ยูสแห่งการผักผ่อนและการบันเทิงแห่งแรกของไทย บริษัทจึงส่งต่อความตั้งใจที่จะขยายโครงการไปยังจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยการเปิดตัวในปี 65 คือ โครงการ อันดามันดา ภูเก็ต

ภูเก็ตได้รับการยอมรับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางธุรกิจโรงแรม หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังไม่ค่อยมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทมนุษย์สร้างขึ้น หรือ Man-made attraction จึงเป็นที่มาของโปรเจกต์ อันดามันดา ภูเก็ต งบลงทุนกว่า 4.5 พันล้านบาท บนพื้นที่ขนาดใหญ่ 58 ไร่ ทั้งหมดประกอบไปด้วย 3 ส่วนธุรกิจ คือ สวนน้ำ ซึ่งเป็นเฟสแรกที่เปิดให้บริการในเดือนพ.ค.นี้ เงินลงทุน 3 พันล้านบาท และเฟสที่ 2 เป็น โรงแรม Holiday inn 300 ห้อง และพื้นที่รีเทลเชิงไลฟ์สไตล์ ที่มาพร้อมกับโชว์น้ำพุสุดอลังการ เงินลงทุน 1.5 พันล้านบาท ในส่วนของสวนน้ำเตรียมจะเปิดในวันที่ 22 พ.ค. 65

โดยโครงการ อันดามันดา ภูเก็ต ถูกวางตำแหน่งให้เป็นมากกว่าสวนน้ำ แต่มุ่งให้เป็นศูนย์รวมความบันเทิงแบบครบวงจร รวมของดี วัฒนธรรม และจุดน่าสนใจต่างๆ ของเมืองภูเก็ตมารวมไว้ ในที่เดียวกัน เชื่อมั่นว่าจะต้องกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของภูเก็ตที่ทุกคนต้องมาเยือนเสน่ห์ของสวนน้ำระดับโลกแห่งนี้ถูกถ่ายทอดผ่านแนวคิดและแรงบันดาลใจ “Thai Legend Meets Fantasy” เพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยเติมเต็มไปด้วยความสนุกสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยมีการวางประสบการณ์การท่องเที่ยว บน 3 ธีมหลักๆ คือ 1.การผจญภัย (Adventure) 2.วัฒนธรรม (Culture)3.การพักผ่อนหย่อนใจ (Leisure) เพื่อรองรับความต้องการของทักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย หลากหลายความต้องการ

ภายในโครงการมีทะเลเทียมขนาดใหญ่ 10,000 ตร.ม. สามารถโต้คลื่นได้สูงสุดถึง 3 เมตร ที่เดียวในไทย ที่มาพร้อมกับหาดทรายเทียมที่มีความยาวกว่า 300 เมตร และยังสามารถรองรับคนได้มากกว่า 5,000 คนสำหรับการจัดงานและอีเว้นท์ต่างๆเครื่องเล่นและจุดน่าสนใจทั้งหมดกว่า 25 รายการ รวมไปถึงสไลเดอร์สุดเร้าใจกว่า 12 สไลเดอร์ โซนเครื่องเล่นสำหรับเด็กกว่า 5,300 ตารางเมตร สำหรับสาย Adrenaline สายชิลล์ และเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วยหน้าผาและก้อนหินจำลอง เพื่อสื่อถึงเสน่ห์ของทะเลอันดามันที่เต็มไปด้วยภูเขาหินทราย เขาตะปูจำลองขนาดเท่าของจริง Lazy River ที่ยาวที่สุดในไทย

นอกจากนั้นยังมีตลาดน้ำที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชาติ Ultimate Theme Party ทุกเดือน และอีเว้นท์กับคอนเสิร์ตระดับโลกที่จะมีขึ้นตลอดทั้งปี ดังนั้นเชื่อว่า อันดามันดา ภูเก็ต จะกลายเป็นใจกลางของความบันเทิงแห่งใหม่ของเมืองภูเก็ต

สำหรับสวนน้ำที่เปิดใหม่ในยุคดิจิทัล อันดามันดา ภูเก็ต ได้มีการนำระบบ cashless payment ผ่านสายข้อมือ RFID มาใช้ อีกทั้งยังมี APP ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานในช่วงไตรมาสที่สาม จะทำให้ผู้เข้ามาใช้บริการสามารถเพิ่มความสนุก และเก็บคะแนนจากการใช้จ่าย และเล่นเกมส์ AR ภายในสวนน้ำ ถือว่าเป็น Gamification ของประสบการณ์การเที่ยวในสวนน้ำครั้งแรกในไทย

พร้อมทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่เที่ยวแบบมีจิตสำนึก (Conscious Traveler) ที่เพิ่มขึ้น อันดามันดา ภูเก็ต ยังใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยนโยบาย Zero Waste หรือการจัดการน้ำเสียและการนำน้ำมารีไซเคิลแบบ 100% เพื่อให้เกิดการประหยัดและใช้น้ำอย่างคุ้มค่าที่สุด มีการนำน้ำบาดาลมาใช้และลงทุนในระบบกรองน้ำ Reverse Osmosis เพื่อลดการใช้น้ำประปาไปถึง 20%

บริษัทตั้งเป้าจะเป็นสวนน้ำที่แรกที่ไม่มีการใช้ Single Use Plastic ไม่ว่าจะเป็น ขวดน้ำพลาสติก หรือหลอดต่างๆ ในส่วนของความปลอดภัยนั้น ได้มีการจ้างไลฟ์การ์ดกว่า 200 ชีวิต โดยที่ทุกคนจะได้รับการฝึกและอบรบภายใต้หลักสูตรของ Ellis & Associates’ International Lifeguard Training Program (ILTPTM) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานของความปลอดภัยที่สูงที่สุดในธุรกิจสวนน้ำอีกด้วย

อันดามันดา ภูเก็ต จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นศูนย์รวมแหล่งพักผ่อน สวนน้ำ และความบันเทิงในรูปแบบ Integrated Entertainment and Resort Destination ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นน้ำของโลกของเมืองภูเก็ตให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก

อีกทั้งเชื่อว่า การเปิดในครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของภูเก็ตที่สำคัญอย่างทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานกว่า 400 ชีวิต การทำงานร่วมกันกับผู้ส่งและผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น มี Partnership กับโรงแรมในภูเก็ตกว่า 300 โรงแรม ทัวร์เอเจ้นท์กว่า 500 ราย ในการร่วมกันทำการตลาด มีการทำข้อตกลงในการส่งลูกค้ากับกลุ่มขนส่งกว่า 3,000 คัน ตอกย้ำความมั่นใจในการท่องเที่ยวของประเทศไทย พร้อมขานรับนโยบายเปิดประเทศของทางรัฐบาล และหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวของ ททท. ในปี 65 อย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้านักท่องเที่ยวจำนวน 1 ล้านคน/ปี

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานในพิธี กล่าวว่า มีความรู้สึกยินดีที่มีการเปิดตัวโครงการอันดามันดา ภูเก็ต ซึ่งเป็นการลงทุนของภาคเอกชน ในการสร้างแหล่งท่องเที่ยว Man Made destination เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ทางด้านการท่องเที่ยวที่เริ่มคลี่คลายขึ้น จากที่ได้มีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ภายหลังเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ได้เริ่มคลี่คลายลง ภาคการท่องเที่ยว เป็นภาคเศรษฐกิจที่มีความสำคัญยิ่งต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะเป็น ภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากสถานการณ์โควิด ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการว่างงาน และการหยุดกิจการของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง

ในระยะเริ่มต้นของการฟื้นฟูประเทศ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะได้ผลที่รวดเร็วและตรงกับปัญหาของประเทศได้มากกว่าการลงทุนด้านโครงการใหญ่ๆ ในภาคอุตสาหกรรมอื่น เพราะต้องอาศัยความเชื่อมั่นและระยะเวลาในการดำเนินการ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ด้วยความรวดเร็วมากกว่านักลงทุน รายได้จากนักท่องเที่ยวกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ทุกอาชีพในระยะเวลาอันสั้น จะเป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจรากหญ้าให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

การลงทุนในโครงการอันดามันภูเก็ตเมกว่า 4.5 พันล้านบาทของภาคเอกชนจะมีนัยยะสำคัญต่อความเชื่อมั่นของการกลับมาของการท่องเที่ยวของประเทศไทยและการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และจะเป็นการตอกย้ำความเป็นเมืองเท่องเที่ยวของเมืองไทย และส่งเสริมให้เมืองภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างยั่งยืนอีกด้วย

นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมของจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของไทยอย่างภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาภูเก็ตเฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 คน ซึ่งในปัจจุบันพบยอดจองห้องพักเพิ่มมากขึ้น จึงเชื่อว่าการยกเลิกระบบ Test & Go อาจเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากถึงวันละ 6,000 คน และตั้งเป้าไว้ที่หลักหมื่นคนต่อวัน

ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต และภาคเอกชนได้มีการเตรียมความพร้อมแล้วในหลายด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการผลิกพื้นเศรษฐกิจของภูเก็ตโดยรวม

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภูเก็ตมีความพร้อมอย่างยิ่งในทุกๆ ด้าน เห็นได้ชัดจากโครงการภูเก็ต แซนด์บอกซ์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตของภูเก็ตมีผลต่อภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศ

ไม่นานมานี้ ททท. ได้มีการเปิดตัว “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” ในการช่วยพลิกฟื้นภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย สนับสนุนให้ “เที่ยวในไทย ปลอดภัย ประทับใจ ยั่งยืน และเศรษฐกิจเติบโต” ตั้งเป้าดึงยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 10 ล้านคน สร้างรายได้ 0.65-1.2 ล้านล้านบาท และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวกว่า 160 ล้านครั้ง สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนโดยรวม 1.3-1.8ล้านล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้ของ ททท.จะช่วยสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังภูเก็ตมากขึ้น และเอื้อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวภูเก็ตได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากแคมเปญนี้

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา ซึ่งมีการปรับเงื่อนไขในการเข้าประเทศ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น คาดว่า 3 ตลาด ที่จะเดินทางเข้ามาและจะเสริมในช่วงโลว์ซีซัน ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย และตะวันออกกลาง รวมถึงหากรัฐบาลต่ออายุโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 จะทำให้มีคนไทยมาเสริม ทำให้เราได้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากเดิมมีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 400-500 คน เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็น 2,000-3,000 คน

โดยเชื่อว่าเมื่อมีการปรับเปลี่ยนมาตรการเข้าราชอาณาจักรในลักษณะที่ผ่อนคลายอย่างมาก จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 เท่า จากปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาวันละ 3,000 คน จะเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 คน และในช่วง 4 เดือน คือ ระหว่างเดือน มิ.ย.-ก.ย. 65 นักท่องเที่ยวจะกลับมาราว 40% ของปี 62

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top