นายกรัฐมนตรีมั่นใจการประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มั่นใจความสำเร็จจากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 12-13 พ.ค.65 ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการประชุมแบบพบกันที่ทุกฝ่ายได้หารือถึงแนวทางขับเคลื่อนความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและเห็นผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต มุ่งสู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน

โดยนายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสในการเดินทางครั้งนี้อย่างคุ้มค่าเพื่อเน้นย้ำ 3 ประเด็นสำคัญกับสหรัฐฯ ได้แก่ 1.การส่งเสริมให้สหรัฐฯ มีบทบาทที่สร้างสรรค์ในภูมิภาค โดยเสนอให้สหรัฐฯ ทำงานร่วมกับอาเซียนและผู้เล่นสำคัญในภูมิภาค ให้ความสำคัญกับข้อพิจารณาด้านมนุษยธรรม เยียวยาผู้ที่เดือดร้อนจากทุกสถานการณ์ในโลก 2.ผลักดันเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เสนอให้ไทยและอาเซียนเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ ในสาขาธุรกิจสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนภาคธุรกิจสหรัฐฯ ร่วมลงทุนขยายฐานการผลิตอุตสาหกรรมในไทย ซึ่งบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ หลายบริษัทให้ความสนใจ โดยสหรัฐฯ ได้ประกาศจะนำนักธุรกิจคณะใหญ่ที่สุดที่เรียกว่า “เทรดวินด์” (Trade Winds) มาเยือนประเทศสมาชิกอาเซียนในปี 2566 โดยใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล และช่วยพัฒนาศักยภาพกำลังคนดิจิทัลในอาเซียน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง ดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่ออนาคตของคนรุ่นหลัง และ 3.นายกรัฐมนตรีชี้ให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดจากความท้าทาย ได้แก่ วิกฤตพลังงาน สินค้าขาดแคลน และความยากจน ซึ่งต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้ประชาชนอยู่รอด และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีระหว่างการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีได้แสดงทัศนะส่วนตัวต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศว่า ไทยต้องการเห็นสงครามซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บยุติลงโดยเร็ว โดยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือของทุกฝ่ายจะช่วยหาทางออกให้สถานการณ์คลี่คลายได้ และนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทุกฝ่ายควรวางแผนเตรียมการฟื้นฟูและเยียวยาหลังสงคราม ควบคู่ขนานไปกับการดำเนินการเพื่อหาทางยุติสงคราม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top