ศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับคำฟ้องรฟท.กรณีโฮปเวลล์จดทะเบียนในไทย

ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำสั่ง ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความในคดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ยื่นฟ้องนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้เพิกถอนการรับจดทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด

ทั้งนี้ เนื่องจากรฟท.ได้ทำสัญญากับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้ลงทุนก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในเขตกรุงเทพมหานคร โดยบริษัทดังกล่าวได้รับสัมปทานเดินรถระบบรถไฟชุมชนและทางด่วนยกระดับสำหรับรถยนต์ ต่อมาได้เกิดข้อพิพาทกันจนมีการนำเรื่องเข้าสู่การชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ และมีการนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองจศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาชี้ขาดคดีถึงที่สุดแล้ว

ต่อมา รฟท.ตรวจพบว่า การที่นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร รับจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้แก่ บริษัท โฮปเวลล์(ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2533 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2533 อนุมัติตามเงื่อนไขที่บริษัทโฮปเวลล์ (ฮ่องกง) จำกัด เสนอเพียง 2 ข้อคือให้สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุน และให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาเรื่องการขอยกเว้นการเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายสำหรับดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม

อีกทั้งเป็นการอนุมัติให้แก่บริษัทโฮปเวลล์ (ฮ่องกง) จำกัด มิได้เป็นการอนุมัติให้แก่บริษัท โฮปเวลล์(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นคนละนิติบุคคลแต่อย่างใด และบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด มีคนต่างด้าวถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้น จึงต้องห้ามมิให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนนิติบุคคลต่างด้าว จึงได้ทำหนังสือให้ผู้ถูกฟ้องคดีและอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเพื่อขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2533 แต่ได้รับการปฏิเสธจากผู้ถูกฟัองคดีจึงได้มาฟ้องกับศาลปกครองชั้นต้น

ทั้งนี้ การฟ้องคดีนี้ไม่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะและไม่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม โดยหากจะเป็นประโยชน์ก็มีแก่เฉพาะรฟท.เอง อีกทั้งไม่มีเหตุจำเป็นอื่นใดที่ทำให้ต้องฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดเวลาการฟ้องคดีแล้ว และเมื่อวินิจฉัย่เช่นนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อกล่าวอ้างอื่นของรฟท.ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีอีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป

การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบนความนั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top