วอริกซ์ สปอร์ต ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 180 ล้านหุ้น-เข้า mai ใช้ลงทุนขยายกิจการ

นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต เปิดเผยว่า บริษัทได้แต่งตั้ง บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 210 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 420 ล้านหุ้น โดยมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนในโครงการก่อสร้างอาคารคลีนิคกายภาพและศูนย์ออกกำลังกาย ถนนพระราม 9 เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและออกกำลังกาย และใช้เป็นสำนักงาน ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการต่างๆ

บริษัทป็นผู้จำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาชั้นนำในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ ‘วอริกซ์’ (WARRIX) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนานวัตกรรมเส้นใยและเนื้อผ้าให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบรนด์ระดับโลก ผสานเอกลักษณ์ดีไซน์การออกแบบที่เป็นสากลและมีความโดดเด่นทันสมัยเป็นของตัวเอง ด้วยคอนเซปต์ “Warrior” หรือ “นักรบ” แสดงถึงชัยชนะ ความแข็งแรง ดุดัน และเป็นสุภาพบุรุษ พร้อมมุ่งปรับภาพลักษณ์สินค้าสู่ Lifestyle Brand รองรับแผนกลยุทธ์สู่ธุรกิจ Sport – Health & Lifestyle แบบครบวงจร โดยเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกีฬา สุขภาพ กิจกรรมการผจญภัยท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์ต่างๆ เพื่อเป้าหมายพัฒนาแบรนด์ WARRIX สู่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก

ปัจจุบัน สินค้าและผลิตภัณฑ์ของวอริกซ์ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) สินค้า Licensed Product ประกอบด้วย สินค้าและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทีมชาติ โดยได้รับสิทธิจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย สมาคมบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย กีฬาประเภทอื่นๆ และทีมชาติต่างประเทศ รวมทั้งได้รับสิทธิสนับสนุนทีมสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย และสินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ สำหรับองค์กร สถานศึกษา และกิจกรรมต่างๆ 2) สินค้า Non – Licensed Product เป็นสินค้าที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันและปรับเปลี่ยนตามความนิยม ประกอบด้วย สินค้าคอลเลคชั่น (Collection) สินค้าคลาสสิค (Classic) สินค้าทำตามคำสั่ง (Made to Order) และสินค้าอื่นๆ

ทั้งนี้ วอริกซ์ มีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายถึง 6 ช่องทาง ได้แก่ 1) ร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ 2) งานโครงการ (Project Base) 3) ช่องทางออนไลน์ 4) ร้านค้าของบริษัทฯ 5) สัญญาสนับสนุนต่างๆ และ 6) งานจัดรายการสินค้า งานแสดงต่างๆ และการขายอื่นๆ ซึ่งช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายนี้จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีเป้าหมายมุ่งขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์จากนักกีฬาและแฟนกีฬา ไปยังกลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ ทุกเพศทุกวัย

ขณะเดียวกัน บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ โดยเปิดให้บริการคลินิกกายภาพบำบัด Warrix Physiotherapy & Performance Studio สำหรับการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาอาชีพและบุคคลทั่วไปอย่างถูกวิธี โดยมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ในด้านการรักษาฟื้นฟู คอยให้คำปรึกษาและองค์ความรู้ด้านโภชนาการ รวมถึงเทรนเนอร์มืออาชีพ พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และคอร์สเฉพาะทางสำหรับกลุ่มกิจกรรม เช่น ฟุตบอล มาราธอน กอล์ฟ จักรยาน และออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น

“วอริกซ์ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาเท่านั้น แต่เรามุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ Sport – Health & Lifestyle แบบครบวงจร ผ่านการสนับสนุนอีเวนท์กีฬาอื่นๆ เทศกาลดนตรี และเพิ่มสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้า โดยมีเป้าหมายพัฒนาโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง เช่น ศูนย์สุขภาพ และการขยายรูปแบบธุรกิจสู่ Metaverse โดยนำนักฟุตบอลทีมชาติมาสร้างเป็น NFT เป็นต้น ล่าสุด บริษัทฯ ได้ร่วมมือพันธมิตรรายใหม่ ได้แก่ สัญญาให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย และสัญญาให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายของบริษัทฟิตเนสชั้นนำ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านผลการดำเนินงานในระยะยาวอีกด้วย” นายวิศัลย์ กล่าว

ผลประกอบการของบริษัทในช่วงปี 62-64 รายได้หลักของบริษัทกว่า 98.94% ของรายได้รวมเฉลี่ย เป็นรายได้จากการขายสินค้า ซึ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศเกินกว่า 99% ของรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวมในแต่ละปี โดยบริษัทมีรายได้รวม 700.12 ล้านบาท 661.90 ล้านบาท และ 658.09 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปี 63 และ ปี 64 บริษัทมีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับปี 62 อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการของภาครัฐในการลดการแพร่ระบาด ซึ่งทำให้ผู้ซื้อสินค้าลดลงเนื่องจากไม่สามารถรวมกลุ่มและทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกีฬา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการในสินค้าของบริษัท

ส่วนรายได้รวม 3 เดือนแรกของปี 64 และ ปี 65 เท่ากับ 147.05 และ 193.14 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตราเพิ่มขึ้น 31.34% เนื่องจากในช่วงต้นปี 64 บริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการโควิด-19 แต่ตั้งแต่เดือน ต.ค.64 จนถึงปัจจุบัน เริ่มมีการผ่อนคลายสถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดทำให้มีการจัดกิจกรรมในที่สาธารณะ การจัดการแข่งขันกีฬาทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เช่น การจัดการแข่งขันฟุตบอลภายประเทศ และการจัดการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งกระตุ้นยอดขายสินค้าของบริษัทอย่างมาก

บริษัทมีกำไรสุทธิปี 62-64 และช่วง 3 เดือนแรกของ ปี 64 และปี 65 เท่ากับ 12.99 ล้านบาท 13.32 ล้านบาท 13.87 ล้านบาท (2.85) ล้านบาท และ 12.41 ล้านบาท ตามลำดับ

โครงสร้างผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท ได้แก่ นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ถือหุ้น 321,200,000 หุ้น หรือคิดเป็น 76.48% หลังการเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 53.53% , นางศศิธร ชัยสวัสดิ์ ถือหุ้น 26,600,000 หุ้น หรือคิดเป็น 6.33% จะลดลงเหลือ 4.43%

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top