ชิค รีพับบลิค จ่อขายหุ้น IPO 360 ล้านหุ้น-เข้า mai Q3/65 หลังนับหนึ่งไฟลิ่ง

นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชิค รีพับบลิค (CHIC) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) ของ CHIC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 65

รายงานข่าว เปิดเผยว่า CHIC คาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 360 ล้านหุ้นภายในไตรมาส 3/65

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ CHIC ยื่นไฟลิ่งเวอร์ชั่นแรกตั้งแต่เดือน ธ.ค.60 แต่ภายหลังได้ถอนไฟลิ่งออกไป ก่อนจะกลับมายื่นใหม่อีกครั้งในเดือน พ.ค.64

นายธีร์ จารุศร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ CHIC กล่าวว่า ปัจจุบัน CHIC มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ CHIC จะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 680 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท ทั้งนี้ บริษัทจะทำการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 26.47 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังเสนอขาย IPO

หลังจากนี้ บริษัทเตรียมเดินหน้านำเสนอข้อมูลธุรกิจของบริษัท พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนกลุ่มต่างๆ และประชาชนทั่วไป โดยจะทำการโรดโชว์ให้กับผู้ที่สนใจผ่านรูปแบบออนไลน์ (Facebook Live) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ พัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทเพิ่มเติมสำหรับการขายแบบ E-Commerce ในกัมพูชา เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุงพื้นที่บางสาขาในประเทศและขยายพื้นที่ให้เช่า รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน

CHIC ถือเป็นโฮมแฟชั่นสโตร์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน และที่นอนและเครื่องนอน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์สวยงามโดดเด่น ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยแนวคิด “Home Fashion Living” การอยู่อาศัยไม่ใช่เพียงเพื่อการอาศัยเพียงอย่างเดียว แต่อยู่อย่างมีสไตล์ รสนิยมและดีไซน์ สินค้าแต่ละแบรนด์จึงมีความแตกต่างกันในด้านการออกแบบ ไลฟ์สไตล์การใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม และมีบริการพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านค้าภายในสาขาต่างๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาในสาขาเพิ่มขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์ที่สร้างความโดดเด่นและแตกต่างให้กับทุกสาขา

นอกจากนี้ CHIC มีทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดดำเนินการแล้วรวม 6 สาขา โดยแบ่งเป็น 5 สาขาในประเทศ ได้แก่ สาขาประดิษฐ์มนูธรรม พัทยา บางนา ราชพฤกษ์ และรามอินทรา และ 1 สาขาในต่างประเทศ ได้แก่ สาขากัมพูชา ภายใต้ Chic Republic Co., Ltd. ที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศกัมพูชา

โครงการในอนาคต บริษัทจะลงทุนขยายสาขาแห่งใหม่ในจังหวัดอุดรธานี วงเงินลงทุนไม่เกิน 160 ล้านบาท เป็นอาคารสองชั้น พื้นที่อาคารประมาณ 5,500 ตารางเมตร และมีพื้นที่ขายประมาณ 4,500 ตารางเมตร รวมทั้งพื้นที่ประมาณ 1,000 ตารางเมตรสำหรับคลังสินค้า นอกเหนือจากการขายสินค้าแล้ว บริษัทยังจะใช้สาขาอุดรธานีเป็นศูนย์กระจายสินค้าสำหรับลูกค้าที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่าจะดำเนินการสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในไตรมาส 1/67

นอกจากนั้น บริษัทยังมีโครงการปรับปรุงพื้นที่ขายโดยขยายพื้นที่เพื่อให้ร้านค้าเช่าภายในสาขาบางนาและสาขาราชพฤกษ์ โดยปรับพื้นที่การจัดวางสินค้า และพยายามคัดสรรร้านค้าใหม่ ๆ มีแบรนด์ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ สามารถสร้างจุดดึงดูดให้แก่ลูกค้าให้มาใช้บริการที่สาขาเพิ่มขึ้นได้ รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการหลายรายติดต่อเข้ามาแสดงความสนใจขอเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 38 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มปรับปรุงพื้นที่ขายแล้วเสร็จและพร้อมเปิดใช้งานในช่วงไตรมาส 4/65

พร้อมกันนั้น บริษัทจะปรับปรุงช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าผ่าน Website ของบริษัทย่อยในประเทศกัมพูชา โดยจะพัฒนาเป็น E-Commerce Website เต็มรูปแบบ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 ล้านบาท และจะพัฒนาแล้วเสร็จและพร้อมเปิดใช้งานในช่วงไตรมาส 4/65

บริษัทยังมีแผนติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Roof) โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และรูปแบบการลงทุนในการติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ในบางสาขา เพื่อลดค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นต้นทุนหลัก ตลอดจนช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ คาดว่าจะศึกษาความเป็นไปได้ และคัดเลือกคู่ค้าและรูปแบบการลงทุนได้ภายในไตรมาส 3/65

CHIC ได้ปรับปรุงข้อมูลในไฟลิ่งเวอร์ชั่นล่าสุดว่า รายได้รวมในปี 62-64 เท่ากับ 781.26 ล้านบาท 707.71 ล้านบาท และ 674.07 ตามลำดับ ขณะที่งวด 3 เดือนแรกของปี 64 และ 65 มีรายได้รวมเท่ากับ 146.32 ล้านบาท และ 217.56 ล้านบาท ตามลำดับ ประกอบด้วยรายได้จากการขายสินค้า รายได้จากการขายงานโครงการ รายได้จาก Design Studio รายได้จากการให้บริการ และรายได้อื่นและรายได้ทางการเงิน

กำไรสุทธิในงวดปี 62-64 เท่ากับ 54.44 ล้านบาท 34.15 ล้านบาท และ 19.28 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.97%, 4.83% และ 2.86% ของรายได้รวม ตามลำดับ และงวด 3 เดือนของปี 64 และ 65 มีกำไรเท่ากับ 5.56 ล้านบาท และ 14.71 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 3.80% และ 6.76% ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top