CEN จ่อลงทุนธุรกิจหลักทรัพย์-ศึกษาเทรดดิ้งกากอุตฯ หลังปักธงรุกกัญชาเต็มสูบ

นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN) เปิดเผยว่า บริษัทมองหาโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจด้วยการขยายไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม ซึ่งบริษัทได้ทำการลงนามข้อตกลงเบื้องต้นในการดำเนินธุรกิจกับบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งเพื่อจะเข้าไปลงทุนธุรกิจหลักทรัพย์เสริมความแข็งแกร่งในฐานะการเป็น Holding Company

พร้อมศึกษาธุรกิจ Trading นำเข้าและจำหน่ายกากอุตสาหกรรม (Slag) ให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์หรือโรงงานขนาดใหญ่เพื่อไปใช้ทดแทนวัสดุในประเทศที่มีราคาสูงขึ้น นำมาช่วยลดต้นทุนและทดแทนการใช้ขี้เถ้าหรือใช้แทนหินคลุกในโรงงานอุตสาหกรรมทำให้ได้ต้นทุนต่ำลง จะรับรู้รายได้จากการรับกำจัดกากอุตสาหกรรมที่มีใบรับรองว่าไม่มีมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม หรือการหา Synergy ร่วมกันกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ

ขณะเดียวกัน บริษัทจัดเตรียมงบลงทุนในสำหรับ R&D ด้วยการผนึกกำลังกับนักวิชาการและเภสัชกรเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ เป็นการพลิกกลยุทธ์สู่ Recurring Income ด้วยนวัตกรรมและสารสกัดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในการพัฒนาสเต็มเซลล์จากพืช (Plant Stem Cell) และพืชที่มีคุณประโยชน์กับร่างกายหลายส่วน รวมทั้งจากกัญชา (Cannabis Stem Cell) เพื่อให้เซลล์ต้นกำเนิดมีความสามารถในการสร้างเซลล์ทดแทนได้อย่างไม่จำกัดเพื่อทดแทนหรือซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยเตรียมวางแผนร่วมทุนกับบริษัทวิจัยและพัฒนาที่เกาหลี

CEN ได้ทำการศึกษาการลงทุนในธุรกิจกัญชามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เริ่มตั้งแต่ธุรกิจการปลูกกัญชาที่เก็บช่อดอกขาย การสกัดสาร CBD จากช่อดอกกัญชา และการนำสารสกัด CBD ที่ได้ไปใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารและเวชภัณฑ์กับผู้ผลิตหลายราย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ากัญชา-กัญชงนับเป็นเมกะเทรนด์โลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพสามารถเชื่อมโยงไปสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ตลอดจนต่อยอดเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม การแพทย์ เครื่องสำอาง ฯลฯ นำไปสู่การก้าวขึ้นมาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในตลาดทะลุหลักแสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

การเข้าศึกษาลงทุนครั้งนี้เป็นการทำธุรกิจร่วมกับพันธมิตรธุรกิจที่มีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญและความชำนาญเกี่ยวกับกัญชา-กัญชง ทาง CEN จะเสริมความแข็งแกร่งด้านการลงทุน การขยายตลาดเพื่อสร้างยอดขายในประเทศและต่างประเทศผ่านพันธมิตรที่มีศักยภาพทั้งผลิตภัณฑ์ด้านความงามและการรักษาบำบัดทางการแพทย์ เพื่อสอดคล้องแผนการดำเนินงานในกลุ่ม Health & Treatment Clinic รองรับกลุ่มผู้บริโภคทั้งคนเมืองและต่างชาติที่มีปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ โดยจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้บริการ ทำให้ผู้บริโภคทุกระดับเข้าถึงสินค้าได้ง่ายและเร็วมากขึ้น พร้อมมั่นใจในการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของตนเอง อีกทั้งการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามาจะเสริมรายได้ให้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจเดิมในเครือ CEN คือ บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด บริษัทย่อยที่ CEN ถือหุ้น 100% ดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน โรงไฟฟ้าระบบ Cogeneration ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและระบบความร้อนให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมกระเบื้องขนาดใหญ่ หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ สร้างรายได้และผลกำไรแบบ Recurring Income ตลอดสัมปทาน 15 ปี ในสภาวะวิกฤติของค่าพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีความผันผวนสูงจากผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลก

นายเชิดศักดิ์ ยังมั่นใจว่า บมจ.สกาย ทาวเวอร์ (STOWER) ซึ่ง CEN ถือหุ้นอยู่ 31% ได้เข้าไปลงทุนก่อสร้างเสาโทรคมนาคมให้เช่าที่ประเทศฟิลิปปินส์จะสามารถสร้างมูลค่าการเติบโตแบบ Hi-Growth เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ และมี EIRR กว่า 25% จะส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจที่จะสามารถกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ และมี Upside จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องจากการเข้าลงทุนใน QROI Network Services Inc. (QNSI) ประเทศฟิลิปปินส์เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโทรคมนาคมในฟิลิปปินส์อันดับ 1 (Telecom Implementation Service) โดยได้รับการรับรองจากบริษัทชั้นนำระดับโลก อาทิ Huawei และ Ericsson

และล่าสุด STOWER ผนึกพันธมิตร T3 Technology ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย ร่วมกันรุกตลาดบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และ IoT ในฟิลิปปินส์ ต่อยอดธุรกิจให้เช่าเสาเทเลคอมของ STOWER ที่มีลูกค้าในมือเป็นลูกค้ากลุ่มเดียวกัน คาดว่าจะมีรายได้ในฟิลิปปินส์กว่า 3,000 ล้านบาทใน 3 ปี ตามรอย T3 Technology ที่ประสบความสำเร็จในไทยด้วยยอดขายล่าสุดปีละกว่า 3,000 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจ บมจ.ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ (RWI) ที่ CEN ถือหุ้นกว่า 51% มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงิน พร้อมที่จะจัดสรรงบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท เพื่อขยายต่อยอดหรือแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่มจากการดัดแปลงหรือเปลี่ยนวิธีการผลิต อีกทั้งมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการประกอบธุรกิจนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับวัสดุอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อนำมาใช้เป็นวัสดุพื้นฐานของโครงการสาธารณูปโภค ทำให้ได้ต้นทุนที่ต่ำลงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อเนื่อง รองรับความผันผวนของราคาเหล็กโลกและค่าอ่อนค่าของเงินบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top