หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ตามตปท.รับแรงหนุนราคาน้ำมันขึ้น-เล็งยกเลิกกำแพงภาษีจีน

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ รับแรงหนุนราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและการปรับตัวขึ้นของดัชนีหุ้นตลาดยุโรปเมื่อคืนวานนี้ รวมไปถึงกำแพงภาษีต่อจีนที่ตั้งขึ้นในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ จะหมดอายุ และคาดว่าจะไม่มีการต่ออายุเพื่อลดการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อ พร้อมให้แนวรับที่ 1,550 จุด และ 1,545 จุด แนวต้าน 1,575 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้ตามดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย และการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวานนี้ ขณะที่ตลาดสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันชาติ

นอกจากนี้ยังอาจจะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมเข้ามาจากกำแพงภาษีของสหรัฐต่อจีนที่มีการตั้งขึ้นมาในสมัยนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีจะสิ้นสุดอายุลง และคาดว่าจะไม่มีการต่ออายุเพื่อที่จะลดการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อในสหรัฐ

ในขณะเดียวกันยังคงต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. ของไทย และตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ ของประเทศสำคัญหลายๆประเทศที่จะออกมา

พร้อมให้แนวรับที่ 1,550 จุด และ 1,545 จุด แนวต้าน 1,575 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

-ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐ

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,386.23 จุด เพิ่มขึ้น 232.42 จุด หรือ +0.89% ,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,053.16 จุด เพิ่มขึ้น 222.81 จุด หรือ +1.02% และ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,411.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.70 จุด หรือ +0.17%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.ค.) ที่ระดับ 1,560.27 จุด ลดลง 12.40 จุด, -0.79%

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,514.52 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ค.65

– ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐ

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.ค.) อยู่ที่ 23.04 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.70 แนวโน้มอ่อนค่า จับตาพาณิชย์ประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเช้านี้

– กกร.หั่นจีดีพีไทยปี 65 เหลือ 2.75-3.5% ผลกระทบจากเงินเฟ้อสูง กำลังซื้อหด หวั่นเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยครึ่งปีหลัง แนะรัฐเตรียมแผนรับมือ เร่งอัดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ กระตุ้นท่องเที่ยวให้ฟื้นมากที่สุด ปรับราคากลางประมูลงานรัฐ ให้เหมาะกับต้นทุนจริง “โนมูระ โฮลดิงส์” ชี้สหรัฐ เริ่มถดถอยไตรมาส 4 จากนั้นลามไปประเทศใหญ่ หลังใช้นโยบายคุมเข้มการเงิน ค่าครองชีพสูงขึ้น

– สมช.ตั้งกรรมการ 2 ชุด รับมือวิกฤติพลังงาน หวั่นลามกระทบเศรษฐกิจ เคาะแผน 3-12 เดือน นายกฯ สั่งต่ออายุแผนลดค่าครองชีพ หลังครบ ก.ย.นี้ เหลือดูแลเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เล็งหารือกัมพูชาพัฒนาแหล่งพลังงานเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษทางทะเล “พลังงาน” เร่งทำตัวเลขเตรียมทยอยปรับเพดานดีเซล เน้นช่วยเฉพาะกลุ่มมากขึ้น หวั่นกองทุนน้ำมันติดลบสิ้นปีทะลุ 2 แสนล้าน

– กรมควบคุมโรคประเมินสถานการณ์โควิด-19 ครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนการเฝ้าระวังสายพันธุ์พบเป็นโอมิครอน 100% BA.4 และ BA.5 พุ่ง 51.7% “หมอนิธิพัฒน์” เตือนผู้ติดกราฟขึ้นมาใหม่ ยอดน่าจะวันละ 5 หมื่นราย จี้รัฐพูดความจริง ให้คนระวังตัว “ดร.อนันต์” แนะจับตา BA.2.75 แนวโน้มแพร่ไวกว่าตัวเก่า พบแล้วในอินเดีย อังกฤษ สหรัฐฯ “หมอยง” ย้ำหายจากโควิดแล้ว ยังแพร่เชื้อคนอื่นได้ ต้องป้องกันตัวเองอย่างน้อย 10 วัน

– กมธ.กัญชาฯ ตั้ง 3 ประเด็นขออนุญาตปลูกไม่เกิน 5 ไร่ ไม่เสียค่าธรรมเนียม ขีดเส้นหน่วยงานออกหรือต่อใบอนุญาต ต้องทำให้เสร็จใน 60 วัน มอบ อย. แม่งานส่งเสริมเป็นพืชเศรษฐกิจ ให้ความรู้ประชาชน ด้านรองโฆษกรัฐบาลย้ำเตือนประชาชน ห้ามนำผลิตภัณฑ์จากกัญชง กัญชา ติดตัวไปต่างประเทศ เหตุผิดกฎหมาย มีโทษหนัก ทั้งปรับ จำคุก

– นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กระแสตอบรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนต่อขยาย ล่าสุด จำนวนสิทธิได้ถูกจอง 296,451 สิทธิ จากจำนวน 1.5 ล้านสิทธิหรือห้องพัก ถือเป็นการตอบรับที่ดี เนื่องจากผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการแล้ว สามารถกดยินยอมใหม่ได้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง และมีผู้ลงทะเบียนใหม่กว่า 100,000 คน ทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการในระบบมีกว่า 10 ล้านคน หากยอดจองห้องพักยังเติบโตได้เร็วแบบนี้ คาดว่าสิทธิอาจหมดก่อนวันที่ 31 ต.ค.นี้ และเดือน ก.ค.-ส.ค. มีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายรอบ คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิจองห้องพัก และเริ่มเข้าพักในโรงแรมที่จองไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.นี้จำนวนมาก เพราะอาจกลัวไม่ทันใช้ในวันหยุดยาว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากเดิมกังวลว่าเมื่อเปิดประเทศก็หมายความว่า คนไทยสามารถเดินทางเที่ยวต่างประเทศได้เช่นกัน แต่ขณะนี้เห็นกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศดีขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

– ESSO (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.50 บาท แนวโน้มผลประกอบการหลักเติบโตขึ้นจากค่าการกลั่นที่ทรงตัวในระดับสูง มีจุดแตกต่างจากหุ้นโรงกลั่นของกลุ่ม PTT คือไม่ได้รับผลกระทบจากการทำ Hedging เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น รวมถึงสามารถผลักดันการขายน้ำมันสำเร็จรูปผ่านการร่วมมือกับพันธมิตร SUSCO ด้วยการปรับโฉมปั๊มน้ำมันให้อยู่ภายใต้แบรนด์ ESSO รวมถึงทำการตลาดร่วมกัน ในโซนที่กำหนดในภาคอีสานและภาคเหนือ อีกทั้งไม่มีตัวถ่วงจากหน่วยผลิตอะโรมาติกส์ที่หยุดดำเนินการมาตั้งแต่ปีก่อน

– PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 185 บาท ราคาน้ำมันดิบกลับมาฟื้นตัว (Brent) นักลงทุนยังกังวลกับภาวะซัพพลายน้ำมันดิบตึงตัว เนื่องจากหลายชาติสมาชิกของกลุ่ม OPEC ประสบปัญหาการผลิต เป็น Sentiment บวกโดยตรงกับ PTTEP นอกจากนี้ยังไม่มี Overhang เหมือนโรงกลั่นและ PTT

– ADVANC (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 214.00 บาท “เข้าซื้อ 3BB พร้อมขึ้นเป็นเบอร์ 1 บรอดแบรนด์” การเข้าซื้อ 3BB และ JASIF ได้ประโยชน์ 2 ทาง ได้ลูกค้า (Market Share) ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด เกิด Economy of Scale ในการขยายโครงข่าย และการ Re-structure ค่าเช่า รายได้/ปี นับจากปี 66 จะเพิ่มต่อปีราว 2 หมื่น ลบ. และได้ปันผล 1.1-1.2 พัน ลบ./ปี จาก JASIF ราคาที่ซื้อมาไม่แพง ระยะยาวการรวมบริการจะหนุนรายได้เฉลี่ยของ Household (ARPH) KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 2.76 หมื่น ลบ. และ 2.79 หมื่น ลบ. +3%YoY, +1%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top