เอจีซี วีนิไทยทุ่มงบ 2.5 หมื่นลบ.เพิ่มกำลังผลิตโซดาไฟ-พีวีซี รุกตลาดอาเซียน

นายคาซูอะกิ โคกะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอจีซี วีนิไทย (AGC VINYTHAI PLC.) เปิดเผยว่า บมจ. เอจีซี วีนิไทย เกิดขึ้นจากการควบครวมกิจการระหว่างบริษัท ไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด (ACTH) ผู้นำธุรกิจคลอร์-อัลคาไลในประเทศไทย และบมจ. วีนิไทย (VNT) ผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซดาไฟ พีวีซี และอีพิคลอโรไฮ ดริน เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตเคมีภัณฑ์พื้นฐาน โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ โซดาไฟ พีวีซี และ อีพิคลอโรไฮดรินฐานชีวภาพ

โดยภายหลังการจัดตั้งบริษัทฯ ก็เตรียมรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเล็งเห็นถึงความต้องการโซดาไฟและพีวีซีสูงกว่าปริมาณสินค้าที่อยู่ในตลาดอย่างชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อยอีก 10 ปี จากการลงทุนในภาคการผลิตและโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้คาดว่าความต้องการโซดาไฟจะเติบโตขึ้น 3.6% และความต้องการพีวีซีจะขยายตัว 3.4%

“เราคาดการณ์ว่าตลาดโซดาไฟและพีวีซีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตราว 4% ต่อปี ตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของโครงการต่างๆ ในภาคการผลิตและโครงสร้างพื้นฐาน สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเราจะมุ่งเป้าไปที่การตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดเกิดใหม่ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในฐานะผู้นำในธุรกิจคลอร์-อัลคาไลในภูมิภาคนี้”

กลุ่มบริษัทเอจีซี จึงวางงบลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไลที่โรงงาน 2 แห่ง ในจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกลุ่มบริษัทเอจีซี โดยคาดจะสามารถผลิตโซดาไฟ จากเดิม 720,000 ตันต่อปี เป็น 940,000 ตันต่อปี และการผลิตพีวีซี จากเดิม 450,000 ตันต่อปี เป็น 850,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในไตรมาสที่ 1/68

ทั้งนี้การจัดหาวัตถุดิบในการผลิตและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรอย่าง บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นบริษัทชั้นนำในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย PTTGC ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทใหม่นี้ด้วย หรือมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 27.32% ขณะที่เอจีซี ถือหุ้น 70.22% ก่อนจะปรับสัดส่วนเป็น เอจีซีถือหุ้น 65% และ PTTGC ถือหุ้น 32% ในสิ้นปีนี้

สำหรับการเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้ คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียง หรือดีกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยก่อนควบรวมกิจการในปี 64 ไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ และ วีนิไทย มีรายได้จากการขายรวม 33,063 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานรวม 9,173 ล้านบาท จากการรักษาฐานลูกค้าเดิมและการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ซึ่งทำให้เข้าถึงตลาด CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม) ได้ง่าย

ขณะที่ใน 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเติบโตไปตามตลาดโซดาไฟและพีวีซีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่คาดขยายตัว 4% ต่อปี และการขยายกำลังการผลิตดังกล่าวข้างต้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 65)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top