SAPPE จ่อเปิดตัวสินค้าผสมกัญชงใน H2/65 พร้อมร่วมมือกลุ่ม GUNKUL ทำตลาดผลผลิต

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 65 เติบโต 15% จากปีก่อน ที่มีรายได้ 3,712.77 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ 10 ผลิตภัณฑ์ ซึ่ง 2 รายการจะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารสกัดกัญชง

ล่าสุดวันนี้บริษัทได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ บริษัท จี.เค.เฮมพ์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ในการซื้อ-ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพืชกัญชากัญชงเพื่อช่วยขยายตลาดสินค้ากัญชากัญชง รวมทั้งนำมาใช้ในการผบิตสินค้าของบริษัทด้วย โดยจะเริ่มทำตลาดในประเทศก่อนขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ

นางสาวปิยจิต กล่าวว่า ด้วยจุดแข็งของ SAPPE ในการเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มนวัตกรรมชั้นนำของเมืองไทย มีความเชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดและการขาย มีพันธมิตรและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง คาดว่าจะสามารถนำวัตถุดิบและสารสกัดจากกัญชากัญชง ที่ถูกเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจาก GUNKUL มาจำหน่ายต่อได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น

ปัจจุบัน ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาตลาด เบื้องต้นจะเริ่มต้นในส่วนวัตถุดิบในการผลิตสินค้าต่างๆ ทั้งอุปโภคและบริโภค เพื่อมุ่งหวังนำเสนอทางเลือกในการเพิ่มมูลค่าสินค้าจากประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชากัญชง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า ภายใต้คุณภาพและมาตรฐานต่างๆ ที่กำหนดไว้ทั้งในไทยและในแต่ละประเทศเพื่อการส่งออกสู่ตลาดโลกในอนาคต

“นับเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของทั้ง 2 บริษัทในการผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้ทั้งสองฝ่าย สอดคล้องนโยบายภาครัฐและกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการผลักดันกัญชากัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย และสามารถนำประโยชน์จากพืชกัญชากัญชง มาใช้ในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ”นางสาวปิยจิต กล่าว

นางสาวปิยจิต คาดว่าภาพรวมตลาดเครื่องดื่มในครึ่งปีหลังจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกที่เติบโตเพียงเล็กน้อย โดยได้รับปัจจัยหนุนจากภาพเศรษฐกิจฟื้นตัว และการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาช่วยหนุนกำลังซื้อในประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทยังจะได้รับปัจจัยหนุนบางส่วนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาอย่างต่อเนื่องด้วย เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกอยู่สูงถึง 70-75% ของรายได้รวม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top