อีสท์สปริง ชูกลยุทธ์ 3 เสาหลักเดินหน้าสู่ทางเลือกบริหารเงินลงทุนของทุกกลุ่ม

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า อีสท์สปริง ได้ชูกลยุทธ์สามเสาหลัก เพื่อเดินหน้าสู่ตัวเลือกในการลงทุนอันดับต้นของคนไทยในการขับเคลื่อนธุรกิจของ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ให้เติบโตไปอีกขั้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งเพื่อผู้ลงทุนชาวไทย บริษัทมีแนวทางการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ได้แก่ Global Access with Asia Focus, Investment Advisory & Market Insights, และ Holistic Health & Wealth ที่จะทำให้เข้าถึงความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม

Global Access with Asia Focus – ปัจจุบันการลงทุนในต่างประเทศถือเป็นแนวโน้มการลงทุนสำคัญที่ผู้ลงทุนชาวไทยไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป เพราะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีและมีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายกว่า ดังจะเห็นได้จากข้อมูลระหว่างปี 58-64 พบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจากการลงทุนต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงถึง 11.5% ต่อปี เทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นไทยซึ่งอยู่ที่เพียง 4.7% ต่อปี ข้ออมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า โอกาสในการลงทุนในต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงกว่าแค่การลงทุนในประเทศ ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

อีสท์สปริง ถือเป็นหนึ่งในผู้นำการออกกองทุนต่างประเทศที่มีความครอบคลุมและหลากหลาย ยิ่งเมื่อผนึกกำลังกับ Eastspring Investments ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในระดับสากล ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มมุมมองทางเลือกในการคัดสรรกองทุนจากหลากหลายประเภทสินทรัพย์เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้สร้างผลตอบแทนได้ดียิ่งขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งในจุดนี้ อีสท์สปริงจึงถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ผู้ลงทุนชาวไทยต้องนึกถึงเมื่อมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ

Investment Advisory & Market Insights อีสท์สปริง เชื่อว่าการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายหรือ Asset Allocation เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพตลาดและภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ยิ่งทำให้การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ ทาง บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงได้ร่วมมือกับอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ สิงคโปร์ ที่เชี่ยวชาญการบริหารพอร์ตการลงทุน Multi-asset ในสินทรัพย์ทั่วโลกมายาวนาน และมีระบบที่ช่วยจัดพอร์ตการลงทุนและการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแผนที่จะร่วมกันนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมการลงทุนใน Multi-asset ที่จะออกสู่ตลาดในเร็วๆนี้

ก่อนหน้านี้ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ร่วมกับธนาคารทีเอ็มบีธนชาต ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุน ทีทีบี สมาร์ท พอร์ต (ttb smart port ) พอร์ตการลงทุนสำเร็จรูปแนวใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยประกอบด้วย 5 พอร์ตการลงทุนสำเร็จรูป ที่ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้เองตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยจากการเปิดขายครั้งแรกเมื่อเดือนมิ.ย. 64 สามารถระดมทุนได้ประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท จนปัจจุบันผ่านมา 1 ปีมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวม 2.29 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล เดือนมิ.ย. 65) ซึ่งคาดว่ากองทุน ทีทีบี สมาร์ท พอร์ต (ttb smart port) จะเป็นกองทุนหลักอีกหนึ่งกองทุนของบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ในอนาคต

นอกจากนี้ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ได้มุ่งเน้นทางด้านการให้ความรู้และคำแนะนำในการลงทุน รวมถึงรายงานข้อมูลต่างๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ และการวิเคราะห์ตลาดกับผู้ลงทุน ในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดสัมมนาออนไลน์ FB Live และการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆอย่างต่อเนื่อง

Holistic Health & Wealth – ด้วยจุดแข็งสำคัญที่มีผู้ถือหุ้นหลักคือกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล (Prudential) ผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากล บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เชื่อมั่นว่าการผสานกันระหว่างแนวคิดความมั่งคั่งที่มาพร้อมความมั่นคงจะต่อยอดความสำเร็จในโอกาสการลงทุนแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ณ ปัจจุบัน ทางบริษัทมีประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-linked) ที่ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนผ่านพรูเด็นเชียลทั้งหมด 16 กองทุน นอกจากนี้ยังร่วมมือกันเพื่อยกระดับการบริการด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกด้วย บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาต่อยอดและนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนให้แก่คนไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพื่อเสริมจุดแกร่งนี้ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ด้วยความเชื่อมั่นว่า สุขภาพกายและสุขภาพการเงินเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างกัน

ด้วยการผสานพลังร่วมกันภายใต้แบรนด์ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ทั้งประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญในเชิงลึกสำหรับตลาดประเทศไทย และศักยภาพบริการด้านการลงทุนชั้นนำของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในระดับสากล บริษัทพร้อมที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือกองทุนที่มีคุณภาพและหลากหลายให้นักลงทุนชาวไทยได้เลือกสรร ทั้งกองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านทางช่องทางการขายของทีเอ็มบีธนชาต และตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนอีกกว่า 55 แห่ง ทั้งที่เป็นธนาคาร บริษัทประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน รวมถึงทีมขายของบริษัท

 

*วางเป้าเพิ่ม AUM ปีละ 6-7% ในช่วง 3-4 ปีนี้

 

นายอดิศร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี ในช่วง 3-4 ปีจากปี 65 เป็นต้นไป แม้ว่าภาวะการลงทุนจะเผชิญความผันผวนของปัจจัยต่างๆ แต่ทางบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ยังคงหาแนวทางและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ลูกค้าของบริษัทในการกระจายลงทุน โดยเฉพาะการกระจายลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสในการลงทุน และสร้างโอกาสในการเติบโตของผลตอบแทนให้กับลกค้ามากกว่าการลงทุนที่อยู่ในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าภาวะของการลงทุนในปัจจุบันลังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก ทำให่การางทุนของลูกค้าไนบางช่วงอาจจะมีการชะลอตัวไปบ้าง ซึ่งเห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ ที่ตลาดการลงทุนต่างๆเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยความไม่แน่นอนเข้ามากระทบการลงทุนอย่างมาก เช่น ปัจจัยเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่อง การเร่งตัวของเงินเฟ้อ สงครามรัสเซียและยูเครน ที่ไม่มีใครทราบแน่ชัดได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ และความเสี่ยงของเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาที่มีความเปราะบาง

โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้กลุ่มลูกค้าของบริษัท รวมถึงลูกค้าในตลาดธุรกิจกองทุนรวมชะลอการลงทุนไปในช่วงที่ผ่านมา เพี่อรอความชัดเจนของสถานการณ์ และยังไม่พร้อมกับการเปิดรับความเสี่ยงที่มีอยู่ ทำให้การเติบโตของ AUM ในปี 65 ที่ผ่านมาจะไม่ได้หวือหวาเหมือนกับในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ในปี 65 บริษัทตั้งเป้า AUM เพิ่มขึ้นมาที่ 4 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่ 3.42 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อย จากภาวะตลาดการลงทุนที่ค่อนข้างซบเซาลงในปีนี้

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าในการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากการให้บริการด้านกองทุนรวมแล้ว ยังคงมีการขยายไปยังกลุ่มผู้ประกอบการและพนักงานประจำ ในการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึงการให้บริหารยูนิตลิงค์ให้กับพันธมิตรประกันชีวิต ซึ่งปัจจุบันมีการบริหารให้กับยูนิตลิงค์ของประกันชีวิตที่เป็นพันธมิตร ได้แก่ พรูเด็นเชียล FWD เมืองไทยประกันชีวิต และไทยประกันชีวิต โดยที่ตั้งเป้าในการผลักดันส่วนแบ่งตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น Top 5 ในอุตสาหกรรม ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ Top 7 ของอุตสาหกรรม

ด้านการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์กองทุนที่นำเสนอให่กับลูกค้าของบลจ.อีสท์ปริง ที่ยังมีการทับซ้อนผลิตภัณฑ์กองทุนรวมระหว่างบลจ.ทหารไทย และบลจ.ธนชาต ที่มีกองทุนที่ซ้ำกันอยู่ 40-50 กองทุน จะมีการพิจารณานำมาปรับลดและรวมกันภายในต้นปี 66 จะมีกองทุนรวมที่เสนอขายรวม 100-120 กองทุน จากปัจจุบันที 180 กองทุน

นอกจากนี้ในด่านโครงสร้างการถือหุ้นของอีสท์สปริง ซึ่งปัจจุบันได้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 60% และธนคารทหารไทยธนชาต (TTB) ถือหุ้นอยู่ 40% นั้นในอนาคตทางอีสท์สปริงมีโอกาสในการทยอยถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องจนครบ 100% ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาในช่วง 4-5 ปีจากปี 65 และพิจารนาเกี่ยวกับความเหมาะสมในการที่ธนาคารทหารไทยธนชาต จะขายหุ้นให่กับทางอีท์สปริงเพิ่มเติมในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top