“พาวเวล” ส่งสัญญาณเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เชื่อศก.สหรัฐยังไม่ถดถอย

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (27 ก.ค.) ว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงเวลาที่เฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

“ผมไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยในขณะนี้ เหตุผลก็คือว่า มีหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งมากเกินไป ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงาน คงไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลที่จะประเมินว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในเมื่อตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก” นายพาวเวลกล่าว

ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายพาวเวลส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนก.ย. และในท้ายที่สุดแล้วเฟดก็อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เฟดได้รับ นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยในกรอบ 2.25-2.50% ถือเป็นกรอบที่คณะกรรมการเฟดมองว่าเป็นระดับที่เป็นกลาง ซึ่งหมายความว่านโยบายการเงินของเฟดไม่ได้อยู่ในลักษณะผ่อนคลายและไม่ได้อยู่ในลักษณะคุมเข้ม

“ผมคิดว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่ก็คิดเช่นนี้ว่า เราจำเป็นต้องปรับนโยบายการเงินสู่ระดับที่คุมเข้มปานกลาง” นายพาวเวลกล่าว และยังกล่าวถึงการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจรายไตรมาสที่มีการเผยแพร่ในเดือนมิ.ย.ซึ่งระบุว่า คณะกรรมการเฟดคาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2565 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะอยู่ที่ระดับ 3.4%

นอกจากนี้ นายพาวเวลกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เฟดเล็งเห็นถึง “ความเสี่ยงสองด้าน” ในช่วงเวลาที่เฟดเดินหน้าควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งก็คือ “การดำเนินการที่มากเกินไป และการดำเนินการดังกล่าวนั้นทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากเกินความจำเป็น” แต่เฟดมองว่า การดำเนินการที่น้อยเกินไปและปล่อยให้เศรษฐกิจได้รับความเสียหายจากเงินเฟ้อ ถือเป็นความเสี่ยงที่รุนแรงมากกว่า

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ 12-0 ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 2.25-2.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดยเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เข้มงวดที่สุดของเฟด นับตั้งแต่ที่เฟดกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเครื่องมือสำคัญด้านนโยบายการเงินในช่วงทศวรรษ 1990 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2561

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.ค. 65)

Tags: , , , , , ,
Back to Top