KCC มอง Q3-Q4/65 โตต่อเนื่องรับพอร์ตหนี้ใหม่ เล็งขยับเพิ่มงบซื้อครึ่งปีหลัง

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ (KCC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/65 จะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากไตรมาส 2/65 และช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มของพอร์ตหนี้ใหม่ที่บริษัทได้เข้าซื้อไปเมื่อปลายเดือน พ.ค.65 ที่ผ่านมา มูลค่าราว 540 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในเดือน ก.ค.นี้ เป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/65 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/65

ขณะที่ปัจจุบันการเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ในพอร์ตกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากที่ลดลงไปไตรมาส 2/65 เนื่องจากในช่วงนั้นยังมีการช่วยเหลือลูกหนี้บางรายในการพักชำระหนี้ แต่ปัจจุบันลูกหนี้ส่วนใหญ่กลับมาชำระคืนหนี้ได้ตามปกติแล้ว และลูกหนี้บางส่วนทั้งกลุ่มภาคธุรกิจและกลุ่มสินเชื่อบ้านได้ปิดบัญชีหนี้ด้วยเช่นกัน เป็นสัญญาณบวกต่อคุณภาพพอร์ตหนี้ที่บริษัทบริหาร

สำหรับการลงทุนซื้อหนี้เข้ามาบริหารนั้น ยังเหลือเงินลงทุนในครึ่งปีหลังอีกราว 260 ล้านบาท จากงบทั้งปีที่ตั้งไว้ 800 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกใช้ซื้อหนี้ไปแล้ว 540 ล้านบาท และครึ่งปีหลังเตรียมเข้าประมูลซื้อหนี้จากสถาบันการเงินที่คาดว่าจะเปิดประมูลหนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งมีโอกาสที่จะสามารถใช้งบลงทุนได้มากกว่า 260 ล้านบาท โดยประเมินวงเงินสูงสุดที่จะต้องใช้ซื้อหนี้เพิ่มเป็น 400 ล้านบาท ซึ่งหากการเจรจาแล้วเสร็จทัยภายในปีนี้ก็อาจจะต้องขยับวงเงินเพิ่มขึ้น

ภาพรวมของมูลค่าหนี้จากสถาบันการเงินที่เสนอขายออกมาในครึ่งปีแรกมีเพียง 2 หมื่นล้านบาท จากคาดการณ์มูลค่าหนี้ทั้งหมด 4.8 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ทำให้บริษัทยังมองว่ามีโอกาสอีกมากที่จะเข้าหนี้เพิ่มขึ้นจากแผนที่วางไว้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อีกทั้งยังมีบางดีลที่ทางสถาบันการเงินเป็นผู้ที่เสนอให้กับบริษัทเจรจาโดยตรงกับลูกค้าเพื่อเข้ามาบริหารหนี้ ทำให้บริษัทสามารถซื้อพอร์ตหนี้เข้ามาบริหารโดยตรงได้ และสามารถรับรู้รายได้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเน้นหนี้ NPL ภาคธุรกิจหรือ Corporate Loans ในสัดส่วน 70% และหนี้ NPL สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Housing Loans) ในสัดส่วน 30% โดยพิจารณาหลักประกันที่มีคุณภาพและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ส่วนความร่วมมือในการร่วมทุนกับสถาบันการเงินในการจัดตั้งบริษัทเข้ามาบริหารหนี้ร่วมกันนั้น ยังไม่มีแผน โดยจะยังคงเน้นการซื้อหนี้เข้ามาบริหารเองที่เป็นแนวทางที่บริษัทมองว่ามีความชำนาญ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 65)

Tags: ,
Back to Top