PRM มั่นใจ H2/65 เติบโตหลังเริ่มรับรู้รายได้จากเรือใหม่-อัตราการใช้เรือฟื้น

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากเรือใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น คือ เรือขนส่งปิโตรเลียมระหว่างประเทศ (VLCC) ลำที่ 2 เริ่มให้บริการเดือน มิ.ย. 65 เรือ AWB ลำที่ 2 เริ่มให้บริการ 16 มิ.ย. เรือ VLCC ลำที่ 3 เริ่มให้บริการวันที่ 9 ก.ย. 65 อีกทั้งกำลังการใช้เรือผลิตน้ำมันกลางทะเล (Crew Boat) จำนวน 13 ลำ เป็น 100% จากเดิมอยู่ที่ 83%

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 3/65 บริษัทเตรียมบันทึกกำไรสุทธิเข้ามาเพิ่มเติมจากการขาย VLCC จำนวน 1 ลำ มูลค่าหลักพันล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/65 บริษัทมีกองเรือทั้งหมด 59 ลำ

ด้านเป้าหมายรายได้ในปีนี้ บริษัทยังคงเป้าเติบโต 10% จากปีก่อน เนื่องแต่ละกลุ่มเรือขยายตัวเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะเรือขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมลอยน้ำ (FSU) ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว พร้อมคาดว่าหวังจะหนุนอัตรากำไรงวดปี 65 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ PRM กล่าวว่าบริษัทวางแผนการลงทุนครั้งใหม่โดยขยายพอร์ตกองเรือจำนวน 3 ลำ ภายใต้งบลงทุน 1,896 ล้านบาท ประกอบด้วย เรือขนส่งปิโตรเลียมภายในประเทศจำนวน 1 ลำ,เรือขนส่งปิโตรเคมี จำนวน 1 ลำ และเรือ FSU เพิ่มอีก 1 ลำ เนื่องจากบริษัทยังเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจในกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งในประเทศเพื่อรองรับปริมาณการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นภายหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง

ขณะที่การลงทุนเพิ่มเติมในเรือขนส่งปิโตรเคมี มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นทั้งในและต่างประเทศที่มุ่งเน้นไปยังการผลิตปิโตรเคมีมากขึ้น และการขยายกองเรือ FSU เพื่อรองรับอุปสงค์ในการกักเก็บและผสมน้ำมันที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีกิจกรรมมากขึ้น โดยการลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะเริ่มรับรู้รายได้ทันทีหลังจากที่สามารถจัดหาเรือแล้วเสร็จ เนื่องจากเรือทั้ง 3 ลำมีลูกค้าที่รอใช้บริการอยู่แล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

“PRM ได้เข้าสู่ Growth Mode ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป เป็นผลจากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการใช้เรือที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการเตรียมส่งมอบเรือ VLCC ลำที่ 3 เพื่อให้บริการแก่บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ในช่วงไตรมาส 3 นี้ และเรือที่ลงทุนเพิ่มเติมอีก 3 ลำที่เตรียมจะเข้ามาให้บริการเพิ่มเติมอีกด้วย” นายชายน้อย กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top