PSTC คาดพลิกกำไรปี 66 รับรู้รายได้ท่อส่งน้ำมันเต็มปี-ขยายโซลาร์รูฟท็อป

นางสาวปิยะภัทร์ สุวรรณสังข์ กรรมการ/กรรมการบริหารและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 66 โดยจะมาจากการเติบโตของ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจท่อส่งน้ำมัน ดำเนินการโดยบริษัท ไทย ไปป์ ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) บริษัทร่วมทุนระหว่าง PSTC และบมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันได้ดำเนินการแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีการรับน้ำมันเข้ามาเพื่อการทดสอบคลังไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 4/65 และจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปีหน้า

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการเซ็นสัญญากับลูกค้าหลักอย่าง บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง OR มีปริมาณการขนส่งน้ำมันมากกว่า 50% ของ Capacity ทั้งหมด ส่วนลูกค้าอื่นๆ อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดจะสามารถเซ็นสัญญาได้ก่อน COD นี้

สำหรับท่อส่งน้ำมันดังกล่าว เป็นการวางท่อจากสระบุรีไปจนถึงขอนแก่น ระยะทาง 342 กิโลเมตร เป็นท่อขนาด 16 นิ้ว มีความสามารถในการส่งน้ำมัน (Capacity) ได้ 5,443 ล้านลิตรต่อปี และสามารถปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7,330 ล้านลิตรต่อปี เมื่อมีความต้องการส่งน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่คลังของ TPN ตั้งอยู่ที่อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น บนพื้นที่ 200 ไร่ มีความสามารถในการเก็บน้ำมันได้ 157 ล้านลิตร

ส่วนลูกค้าของ TPN ประกอบด้วย ผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทยทั้งหมด และผู้นำเข้าจากประเทศลาว อีก 5 ราย โดยในปีแรก หรือปี 66 บริษัทฯ ประเมินว่าจะขนส่งน้ำมันได้ราว 3,020 ล้านลิตร หรือคิดเป็น 55% ของ Capacity ทั้งหมด และคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 8-10 ปี

“จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 58-63 มีปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และในปี 64 แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา แต่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลงเพียงแค่ 3% เท่านั้น เช่นกันในประเทศลาว มีปริมาณการส่งออกน้ำมันจากไทยไปลาว โดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 58-63 อยู่ที่ 1,100-1,200 ล้านลิตร และปี 64 เนื่องจากมีโควิด-19 ทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันของประเทศลาวลดลง ราว 15% หรืออยู่ที่ประมาณ 970 ล้านลิตรต่อปี

อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนไปดูข้อมูลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีละ 3.9% และประเทศลาว พบว่ามีการเติบโตราว 5.9% วอลุ่มดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดหรือปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในโซนกลุ่มเป้าหมายของบริษัท และด้วยจุดแข็งของท่อส่งน้ำมันที่มีการเชื่อมท่อกับทาง Thappline ซึ่งเป็นผู้ขนส่งน้ำมันทางท่อมากว่า 30 ปี และในปัจจุบันมีน้ำมันผ่านท่อราว 7,000-8,000 ล้านลิตร ซัพพลายไปยังภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง รวมถึงโครงการทอส่งน้ำมันของ TPN ช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการขนส่ง หรือ สามารถบริหารจัดการแบบ One Stop Service และช่วยลดอุบัติเหตุ ลดการสูญเสียน้ำมันระหว่างการขนส่ง ช่วยให้บริษัทน้ำมันมีพื้นที่ในการจัดเก็บปริมาณน้ำมันสำรองได้เพิ่มขึ้น” นางสาวปิยะภัทร์ กล่าว

นอกจากนี้ธุรกิจการจัดจำหน่ายก๊าซ LNG ซึ่งจะเป็นการเซ็นสัญญาระยะยาวกับลูกค้า หากมีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นจะสนับสนุนยอดขาย LNG ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย

พร้อมกันนี้ธุรกิจการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับภาคเอกชน ในรูปแบบ Private PPA บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ โดยจะขยายไปในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม และอุตสาหกรรมต่างๆ จากปัจจุบันมีการดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับลูกค้าเอกชนในรูปแบบดังกล่าวไปแล้วจำนวน 10 โครงการ และมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 6 โครงการ โดยอีก 4 โครงการที่เหลือจะสามารถ COD ได้ในไตรมาส 4/65

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top