ศาลรธน.มติ 6 ต่อ 3 เสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อเหตุเป็นนายกฯยังไม่ครบ 8 ปี

ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาเพื่ออ่านคำวินิจฉัย เรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากยังดำรงตำแหน่งไม่ครบวาระ 8 ปีตามที่รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 กำหนดไว้ เพราะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะต้องเริ่มนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวประกาศใช้ปี พ.ศ.2560

“ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งตามความมาตรา 264 ของรัฐธธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.60 ถึง 24 ส.ค.65 ผู้ถูกร้องยังดำรงตำแหน่งไม่ครบตามกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 158 วรรค 4 การเป็นนายกรัฐมนตรีไม่สิ้นสุดลง อาศัยเหตุผลดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเสียงข้างมากว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลง”

ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามกระบวนการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 ส่วนการดำรงตำแหน่งก่อนหน้านั้น เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 ประกาศใช้ให้ถือว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่รวมถึงการดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากรัฐสภา

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) บางคนจะมีความเห็นว่าการนับวาระควรจะนับตั้งแต่เริ่มต้นเข้ารับตำแหน่งนั้นเป็นเพียงความเห็นที่ถูกบันทึกไว้ภายหลังจากที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ไปแล้ว จึงไม่มีผล และไม่ได้มีกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามความในมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2560 นับแต่วันที่ 6 เม.ย.2560 ถึงวันที่ 24 ส.ค.2565 ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่

รายงานข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า สำหรับมติคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 6 ต่อ 3 เสียงนั้น ปรากฎว่าเสียงข้างมาก 6 เสียง ประกอบด้วย 1.นายวรวิทย์ กังศศิเทียม 2.นายปัญญา อุดชาชน 3.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 4.นายจิรนิติ หะวานนท์ 5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์, และ 6.นายวิรุฬห์ แสงเทียน

ส่วนเสียงข้างน้อย 3 เสียง ประกอบด้วย 1.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2.นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ และ 3.นายนภดล เทพพิทักษ์

ดันพล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย ผู้รับผิดชอบจัดทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า คำวินิจฉัยของศาลระบุว่านายกรัฐมนตรียังดำรงตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปได้ และนายกรัฐมนตรีคงรับทราบแล้ว แต่หลังจากนี้ก็จะรายงานด้วยวาจาอีกครั้ง

ทั้งนี้ หากนับวาระของ พลเอก ประยุทธ์ ตั้งแต่ 6 เม.ย.2560 ถ้าจะลงเลือกตั้งสมัยหน้า และเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ก็จะครบในปี 68 ใช่หรือไม่ พลตรีวิระ กล่าวว่า ก็ต้องเป็นแบบนั้น เพราะศาลได้บอกว่านับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ในปี 2560 ก็ต้องนับไป 8 ปี และช่วงที่หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวก็คงจะไม่นับรวม

ส่วนกระแสของสังคมที่อาจมองเห็นตรงข้ามกับผลคำวินิจฉัยครั้งนี้นั้น พล.ต.วิระ กล่าวว่า ไม่เป็นห่วงอะไร เพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้อธิบายความเห็น และพิจารณาแล้วว่าเป็นอย่างไร ทุกคนก็ควรรับฟังและเคารพในคำวินิจฉัย เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร

พล.ต.วิระ ยอมรับว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ส่วนศาลจะใช้ดุลยพินิจพิจารณาอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับศาล โดยดูจากเจตนาของรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้เป็นหลัก ขอให้ทุกคนยอมรับและเคารพในคำวินิจฉัยของศาลฯ ว่าพล.อ.ประยุทธ์ ยังสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ต่อได้จนกว่าจะครบ 8 ปี

สำหรับสถานการณ์การชุมนุมหลังจากนี้ เป็นห่วงหรือไม่ พลตรีวิระ กล่าวว่า ไม่น่าห่วง เจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลป้องกันไว้อยู่แล้ว

ทั้งนี้ พล.ต.วิระ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะสามารถเรียกพล.อ.ประยุทธ์ ว่านายกรัฐมนตรีได้ทันที และจะเริ่มทำงานได้ทันที โดยในวันจันทร์ที่ 3 ต.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์จะกลับเข้าปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาล

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 65)

Tags: ,
Back to Top