เงินบาทเปิด 37.45 แข็งค่าจากวานนี้ คาดกรอบ 37.35-37.55 จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 37.45 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 37.55 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้ปรับแข็งค่าขึ้นมาจากเย็นวาน หลังจากที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าวันนี้เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่ทรงตัว

“บาทเริ่มกลับมาแข็งค่า เพราะบอนด์ยีลด์สหรัฐลดลง คงเป็นเพราะการปรับฐาน จึงทำให้ราคาทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มขึ้น”

นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 37.35-37.55 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยในประเทศ ติดตามการรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.จากกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ติดตามดัชนี ISM ภาคบริการ และการจ้างงานภาคเอกชน

THAI BAHT FIX 3M (4 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.75098% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.96002%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 144.08 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 144.70 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 0.9971 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 0.9869 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 37.730 บาท/ดอลลาร์
  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ จะรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค หรืออัตราเงินเฟ้อประจำเดือนก.ย.65 ต้องติดตามว่าสถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศจะเริ่มเห็นทิศทางการปรับลดลงหรือไม่ หลังจากที่มีการวิเคราะห์ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
  • ไทยพร้อมเกือบ 100% เป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเอเปก 18-19 พ.ย.นี้ กระทรวงต่างประเทศย้ำเป็นโอกาสที่ไทยจะแสดงบทนำลดความขัดแย้งประเทศมหาอำนาจ ไม่หวั่น “วอล์กเอาต์” เตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ไว้แล้ว ยันผู้นำสิงคโปร์ จีน ไทเป ฮ่องกง เข้าร่วมประชุมแน่ ส่วนจีน ถ้า “สีจิ้นผิง” ไม่ติดภารกิจมาแน่นอน ขณะที่สมาชิกอื่น อยู่ระหว่างรอยืนยัน
  • จับตาเศรษฐกิจไทย “สหพัฒน์” ห่วงน้ำท่วม-การเมือง กระทบกำลังซื้อที่กำลังฟื้นตัว เผยค่าเงินบาทอ่อนหนุนส่งออกเติบโต ด้าน “จุรินทร์” สั่งการพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำท่วม ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคา ค้ากำไรเกินควร
  • นักเศรษฐศาสตร์มองความท้าทายเศรษฐกิจโลกและไทยมีสูงขึ้น “กอบศักดิ์” ห่วงเริ่มลามเข้าสู่ภาคเศรษฐกิจจริง หลังเริ่มเห็นสัญญาณผ่านตัวเลขการส่งออกที่เริ่มชะลอตัว หวังการท่องเที่ยวช่วยพยุง “ศุภวุฒิ” แนะจับตาไตรมาส 2 ปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยง ถดถอยกระทบทั่วโลก ด้าน “เกียรติพงศ์” เชื่อประเทศไทยรับมือเงินเฟ้อได้ กลับสู่กรอบเป้าหมายปี 2566
  • “สมาคมเช่าซื้อไทย” ชี้เกณฑ์ คุมดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน10% รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 23% ของสคบ. ประกาศสัปดาห์นี้ “นายกสมาคมธุรกิจ เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไทย” ชี้กระทบการปล่อยสินเชื่อ-ยอดขายรถทั้งระบบวูบ 20-30% จากปัจจุบันปล่อยกู้เฉลี่ยที่ 1 แสนล้าน ยอดขายรถ 1.6 ล้านคัน เตรียมเรียกทั้งอุตฯ ต้นน้ำ-ปลายน้ำ หากแนวทางรับมือ เหตุไฟแนนซ์จ่อปรับเกณฑ์กลุ่มเสี่ยงเข้มกลุ่มรากหญ้า-อาชีพอิสระ-เด็กจบใหม่
  • สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 1.1 ล้านตำแหน่ง สู่ระดับ 10.1 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 11.1 ล้านตำแหน่ง
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่า การปรับตัวลงของ JOLTS จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (4 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นอกจากนี้ การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร (4 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาด
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
  • นักลงทุนลดการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 58.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักสูงถึง 68.1%
  • คืนนี้สหรัฐ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย., ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนส.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 265,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 3.7%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ต.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top