LEO ทุ่ม 261.44 ลบ.ลงทุน-ร่วมทุนพันธมิตรทั้งตปท.-SENA-PORT ขยายธุรกิจ

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวานนี้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทใหม่และการเข้าลงทุนในธุรกิจศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์และกระจายสินค้า ศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics Center) ธุรกิจห้องเก็บของให้เช่า (Self Storage) และ Warehouse รวมถึงจัดตั้งบริษัท Buying & Sourcing Agent เพื่อเป็นตัวแทนส่งออกสินค้าไปประเทศจีน พร้อมประกาศเดินหน้าเปิดสาขา 3-4 ของ LEO Self Storage โดยอนุมัติงบทั้งสิ้น 261,439,594.60 บาท เพื่อนำไปขยายโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มรายได้

ทั้งนี้ คณะกรรมการอนุมัติให้บริษัทเข้าร่วมลงทุนกับ ADVANTIS FREIGHT (PVT) LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทระดับ Regional Player ในภูมิภาค Asia เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ และถือหุ้นร่วมกันในการดำเนินธุรกิจ Logistics & Distribution Center มีทุนจดทะเบียน จำนวน 55,000,000 บาท โดย LEO ลงทุน 26,950,000 บาท คิดเป็น 49% และ บริษัท ADVANTIS FREIGHT (PVT) LIMITED และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ (ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน) ลงทุน 28,050,000 บาท คิดเป็น 51 % เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจในด้าน Logistics & Distribution Center ให้กับบริษัท

และได้อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนกับ บริษัท เอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัด (SK Asset Management Company Limited.) ในเครือ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่เพื่อดำเนินโครงการ Self-Storage แห่งที่ 3 เพื่อให้บริการพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่า และพัฒนาธุรกิจคลังสินค้าและให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร (Self-Storage, Warehouse & Integrated Logistics Services Project) ร่วมกัน โดยมีทุนจดทะเบียนในช่วงเริ่มต้นที่ 10,000,000 บาท สัดส่วนการลงทุน LEO ลงทุน 5,000,000 บาท คิดเป็น 50% และ เอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ ลงทุน 5,000,000 บาท คิดเป็น 50% เพื่อใช้ในการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจ Self-Storage และ Warehouse ของบริษัทฯ

พร้อมทั้งอนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนในบริษัทใหม่ร่วมกับ บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ในการดำเนินธุรกิจศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics Center) และให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร มีทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท และมีสัดส่วนการลงทุน LEO ลงทุน 50,000,000 บาท คิดเป็น 50% และ PORT ลงทุน 50,000,000 บาท คิดเป็น 50% เพื่อเป็นการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจ Cold Chain Warehouse และ Integrated Logistics Services ของบริษัทฯ

และได้อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในโครงการ LEO Self Storage แห่งที่ 4 เพื่อให้บริการพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่า (Self-Storage) มีมูลค่าการลงทุน 174,489,594.60 บาท ประกอบด้วยค่าเช่าทรัพย์สินตลอดอายุสัญญารวม 116.04 ล้านบาท โดยใช้งบลงทุนในการพัฒนาโครงการรวมทั้งสิ้นเป็นมูลค่า 58.44 ล้านบาท เพื่อเป็นการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจ Self-Storage ของบริษัทฯ

นอกจากนี้ยังได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจในการเป็นตัวแทนในการจัดหาสินค้าจากไทยส่งออกไปยังจีน (Buying & Sourcing Agent) และสนับสนุน E-commerce Platform ของทาง China Post และ Yunnan Tengjun มีทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท สัดส่วน 100% โดยบริษัทเล็งเห็นว่ารายได้และกำไรจากธุรกิจในลักษณะของการ Sourcing & Supply Chain Management ไปยังประเทศจีนที่เป็นประเทศคู่ค้าหลักที่สำคัญของประเทศไทยจะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“LEO มองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอยู่เสมอ จึงมองหาพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาช่วยต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจ Logistics & Distribution Center, Warehouse และ Self Storage ที่เป็นธุรกิจ Non-Freight และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถขยายฐานลูกค้าและพื้นที่ในการให้บริการได้รวดเร็วมากขึ้น

ประกอบกับกลยุทธ์การบริหารที่ LEO มุ่งเน้นไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ซึ่งถึงพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่สนับสนุนและส่งเสริมกระบวนการที่เป็นเลิศ และสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์การการค้าและระบบโลจิสติกส์ของโลกในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขยายธุรกิจ Non Freight ของบริษัทฯร่วมกับพันธมิตรของบริษัทให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แข็งแกร่งและยั่งยืน ส่งผลให้บริษัทฯมีความสามารถในการสร้างยอดขายและกำไรของบริษัทให้เติบโตและสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่องและยั่งยืน” นายเกตติวิทย์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ต.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top