ไทย-ออสเตรเลีย เซ็น MOU ตั้งศูนย์ต่อต้านค้ามนุษย์ ยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.เพนนี หว่อง (Senator the Honourable Penny Wong) รมว.ต่างประเทศเครือรัฐออสเตรเลีย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าการเยือนไทยครั้งนี้ของรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย จะช่วยเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-ออสเตรเลีย ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยและออสเตรเลียมีพลวัตสูง และมีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นในทุกมิติ ทั้งในกรอบทวิภาคี อาเซียน อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และกรอบพหุภาคี โอกาสนี้

นายกรัฐมนตรียังแสดงความพร้อมในการต้อนรับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสหารือการขับเคลื่อนเอเปคร่วมกันท่ามกลางความท้าทายของสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

โดยทั้งสองฝ่าย ต่างยินดีต่อการยกระดับความสัมพันธ์สู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่ง รมว.ต่างประเทศออสเตรเลียชื่นชมวิสัยทัศน์ และสนับสนุนนโยบายโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล และยินดีขับเคลื่อนความร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะได้ร่วมมือกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ในสาขาการเกษตร เศรษฐกิจดิจิทัล การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ และสาธารณสุข รวมทั้งยินดีที่สถานการณ์ของโรคโควิด-19 คลี่คลาย เมื่อทั้งสองประเทศเปิดประเทศเต็มรูปแบบ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและเพิ่มพูนการท่องเที่ยวระหว่างกัน

ในส่วนของความร่วมมือการปราบปรามการค้ามนุษย์ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องถึงความสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ จึงมุ่งมั่นที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับออสเตรเลียเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งรมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย ยินดีร่วมมือกับไทย โดยยินดีที่จะร่วมกับรมว.ยุติธรรม ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างไทยกับออสเตรเลียในวันนี้ ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ฯ จะช่วยยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคง และส่งเสริมความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ผ่านการเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง

สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ไทย-ออสเตรเลีย ต่างยินดีที่แนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น และทั้งสองฝ่ายมีการลงทุนขนาดใหญ่ระหว่างกัน พร้อมมองว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพและโอกาสในการเพิ่มพูนมูลค้าทางการค้าระหว่างกันได้มากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนออสเตรเลียพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติม และเป็นหุ้นส่วนด้านการวิจัยและการพัฒนาในพื้นที่ EEC

ขณะที่ความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรียินดีที่อาเซียนและออสเตรเลียได้ยกระดับสถานะความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านเมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมกล่าวชื่นชมข้อริเริ่ม “ออสเตรเลียเพื่ออนาคตของอาเซียน” (Australia for ASEAN Future) ซึ่งครอบคลุมการมอบทุนการศึกษาให้เยาวชนในภูมิภาค รวมถึงเยาวชนไทยด้วย เชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของโควิด-19 อาทิ ด้านสาธารณสุข การค้าการลงทุน และด้านการศึกษา

ด้าน รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า ไทยและอาเซียนมีความสำคัญต่อออสเตรเลีย โดยมุ่งหวังขยายความร่วมมือกับอาเซียนให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังชื่นชมบทบาทนำของไทยในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง พร้อมร่วมมือกับไทยส่งเสริมการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความพร้อมต้อนรับผู้นำของออสเตรเลียในการประชุมเอเปค ซึ่งไทยมุ่งสร้างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในบริบทโลกหลังโควิด-19 ที่เปิดกว้าง เชื่อมโยง ยั่งยืน สมดุล ทุกภาคส่วนมีส่วนรวม โดยมีแนวคิด BCG Economy เป็นแนวคิดพื้นฐาน ซึ่ง รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพของไทย และชื่นชมนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของออสเตรเลียที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พร้อมหวังว่าไทยจะประสบความสำเร็จในการจัดประชุม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top