นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวบรรยายงานสัมมนาวิชาการทางรัฐประศาสนศาสตร์ ในโครงการพัฒนาหลักสูตรเพื่อความเป็นเลิศตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพระดับสากล ในหัวข้อ “เตรียมพร้อมรับมือเศรษฐกิจไทย ในยุค New Normal” ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เป็นยุคข้าวยากหมากแพง ซึ่งเศรษฐกิจถดถอยกระทบกับไทยแน่นอน หลายสำนักพยากรณ์ยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวทั้งโลก เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น รวมถึงสหรัฐอเมริกายังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
นายสมคิด กล่าวว่า จากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งตราบใดจีนยังไม่ให้นักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางออกนอกประเทศ การท่องเที่ยวไทยยังคงลำบากมาก แม้ไทยจะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ แต่นักท่องเที่ยวจีนมีการใช้จ่ายมาก แต่จากโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมคนเปลี่ยน การค้าขายเปลี่ยน ซึ่งเป็นโอกาสให้กับธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขอนามัย เรื่องสุขภาพ ความปลอดภัยในชีวิต
นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งรัสเซียส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก 40% ไปยังยุโรป และเอเชียถือเป็นกลุ่มที่ใช้น้ำมันมากสุด และยูเครนส่งออกพันธุ์พืชอาหาร โดยเฉพาะข้าวสาลี ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ดังนั้นผลจากปัญหาสงคราม โควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงขาลงแน่นอน และเงินเฟ้อสูงมากขึ้น
ขณะเดียวกันประธานธิบดีสี จิ้น ผิง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งประธานาธิบดีจีนได้กล่าวถึงเรื่องความฝันของคนจีน จะทำให้ความภาคภูมิคนจีนกลับมาอีกครั้ง เป็นการพูดที่พยายามสื่อให้เห็นถึงแสนยานุภาพของจีน เป็นการบ่งบอกว่าจีนจะไม่ยอมใครอีกต่อไป และยุคนี้เทคโนโลยีของจีนในเรื่อง 5G พัฒนาไปสูงกว่ายุโรป อีกทั้งความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ยังมีความสำคัญ ซึ่งมีผลกระทบกับไทยเช่นกัน
ส่วนฟากสหรัฐอเมริกายังกลัวเงินเฟ้อ แต่สหรัฐอเมริกายังคงมั่นใจเศรษฐกิจของตัวเองว่ายังแข็งแรง และจงใจขึ้นดอกเบี้ยไปถึง 4% และจะยังขึ้นต่อไป เพื่อความตั้งใจจะลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ กำราบเงินเฟ้อ แต่ไม่ได้ดูผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่ลำบากมากขึ้น ส่วนประเทศที่ยากจน เช่น ปากีสถาน บังคลาเทศ ก็มีหนี้สินเพิ่มสูงขึ้น แต่ประเทศไทยถือว่าโชคดี มีทุนสำรอง 2 แสนล้านดอลลาร์ แต่ก็ต้องไม่ประมาท
นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยบนเส้นทางแห่งความเสื่อมถอย ไทยอยู่บนเส้นทางหักเห ถ้าไม่แก้ตอนนี้จะยิ่งลำบาก ถ้ารีบฟื้นตัวจะมีโอกาสเห็นโอกาสในวันข้างหน้า แต่อย่าหวังว่าการฟื้นตัวจะทำได้เร็ว โดยวิเคราะห์ว่า
1.ไม่มีทางเศรษฐกิจจะกลับไปโตเร็ว อย่าหวังให้เศรษฐกิจเป็นแบบก้าวกระโดด สินค้ายังราคาสูง ประชาชนยังลำบาก ซึ่งมีการประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะโตประมาณ 3% ฟื้นยาก ซึ่งภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ คนมีฐานะสามารถอยู่ได้ แต่คนตัวเล็กจะลำบาก และเป็นโจทย์ต้องแก้
2.ความเลื่อมล้ำยังสูงมาก และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล
3.ความสามารถในการแข่งขันของประเทศถดถอย บางเรื่องยังไม่มีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยี จึงต้องสร้างสิ่งแวดล้อมเพื่อดึงดูดต่างประเทศเข้ามา ต้องวางโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ต้องมีเศรษฐกิจที่เติบโต ต้องไม่มีการคอรัปชั่น ที่สำคัญที่สุด คือ การพัฒนาบุคคลากร เช่น ในเวียดนาม มีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทค มีการลงทุนงานวิจัยไปแล้ว 10 ปี จึงมีความพร้อมในบุคลากรที่จะรองรับดิจิทัลแต่ไทยยังตามไม่ทัน
“ยุคนี้ หมดยุครายใหญ่ผูกขาดอีกต่อไป มีการนำดิจิทัลมาใช้กับการค้าขาย และโลกกำลังเปลี่ยน การวางนโยบายปัจจุบันต้องลงไปในระดับจังหวัด ระดับหมู่บ้าน แต่ไทยยังก้าวกระโดดไม่ออก เพราะเหลือรายใหญ่ไม่กี่บริษัท SME เหลือน้อย ความสามารถแข่งขันของเรากำลังเสื่อมถอย รอเวลาฟื้นตัว” นายสมคิด กล่าว
4.สังคมผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้สูงอายุต้องการเข้าสังคม แล้วจะทำให้คนอายุ 60 ปีมีงานทำได้อย่างไร และหากองค์กร บริษัทไหนจ้างผู้สูงอายุไปทำงาน ก็ควรให้สิทธิพิเศษมากขึ้น
5.ด้านสิ่งแวดล้อม โลกกำลังให้ความสนใจเรื่อง BCG ซึ่งอย่าทิ้งภาคการเกษตร และจำเป็นต้องให้รื้องบประมาณใหม่ เตรียมงบสำหรบเยียวยา ช่วยเหลือในอนาคต ถ้ามีภาวะฉุกเฉิน มีสงคราม เตรียมไว้ก่อน ระบบงบประมาณของไทยปฏิรูปได้
นายสมคิด กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาต้องเน้นเศรษฐกิจภายในพึ่งพาตัวเองได้ พึ่งเศรษฐกิจพอเพียง ทำแบบมีแผนการล่วงหน้า อย่าเกินตัว ซึ่งแผนปัจจุบันการพัฒนาในภูมิภาคมักขึ้นอยู่กับว่าจังหวัดนั้นๆ ส.ส.ในพื้นที่เป็นของพรรคการเมืองใด ก็จะพัฒนาเฉพาะจังหวัดนั้นๆ แต่ในอนาคตต้องพัฒนาเป็นรายภูมิภาค ซึ่งพลังงานชุมชมต้องเกิดแน่นอน และหน่วยงานรัฐต้องรับซื้อ ไม่ใช่ห้ามให้ทำเรื่องพลังงานชุมชม หรือถ้าต้องการยกเลิกความยากจนในอีสานต้องเอางานไปให้ เหตุใดถึงไม่สร้างนิคมอุตสาหกรรมที่อีสาน และให้การสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย
นายสมคิด กล่าวว่า อยากให้นักศึกษากลับถิ่นฐาน ชุดความคิดสำหรับการศึกษาในข้างหน้า ควรป้อนสิ่งที่ทำให้เขารู้ว่า จะไปทำอะไรในวันข้างหน้า ระบบการศึกษาเปลี่ยนหมดแล้ว โลกเปลี่ยน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ต้องเปลี่ยน ภาคเอกชนต้องช่วยการศึกษาได้ให้มีการแข่งขัน
“ถ้าคนของผมกลับไปดูเมื่อไร ดอกเบี้ยต่ำให้คนกล้าคืนถิ่น ต้องมีแน่นอน รัฐบาลต้องสนับสนุน” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า โลกใหม่จะมีความลำบากมีมากขึ้น แต่เราไม่ประมาท โหมดพัฒนาต้องปรับเปลี่ยน ต้องพึ่งพาทั้งจากภายนอกและภายใน ต้องพัฒนาระดับท้องถิ่น ชุมชน ทำให้ประเทศแข่งขันมากขึ้น ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ต้องเกิดให้ได้ ถ้าไม่เกิดจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ไทยทำ ช่วยชุมชนให้แข็งแรงขึ้น ยกระดับการผลิตในชุมชน ลดการผูกขาด กระจายอำนาจลงไป ต้องวางแผนร่วมกัน ให้ท้องถิ่นคิดและทำกันเอง
“ถ้าลูกทีมผมได้ดูแลกระทรวงการคลัง ซึ่งครั้งหนึ่งผมออกนโยบายภาษีกตัญญู ผมจะออกสิ่งที่พิเศษออกมา ให้แย่งดูแลพ่อแม่” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า ถ้าการเมืองดี ประเทศจะดี ถ้าช่วยกันทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ทำสตาร์ทอัพขึ้นมา เอาคนมาเที่ยวในหมู่บ้าน เอา OTOP มารองรับ ถ้าชุมชนแข็งแรง คนที่มีประวัติด่างพร้อย ก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับเลือกตั้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 65)
Tags: ท่องเที่ยว, นักท่องเที่ยว, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจไทย