นายกฯ มอบนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วน 3 เดือนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระยะเร่งด่วน 3 เดือน โดยระบุว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน แม้จะปรับวิธีการ และปรับการทำงาน แต่อีกฝ่ายก็ปรับเช่นกัน ดังนั้นจะทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนให้ได้ เพราะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจ และต้องบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ และในหลายระดับ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องดูว่าจะแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างไร เน้นการป้องกันปราบปราม และการบำบัดรักษา รวมถึงดีมานด์และซัพพลาย ลดผู้เสพรายใหม่ แก้ไขผู้เสพรายเก่า รวมทั้งจำเป็นต้องบูรณาการกันอย่างใกล้ชิด และมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และเป็น 1 ใน 12 นโยบายสำคัญของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาได้ปฏิบัติและพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ทำในวันนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในระดับนโยบาย คือการปรับปรุงกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจจะมีความเกี่ยวข้องในหลายกฎหมายด้วยกัน พร้อมกับต้องเร่งปราบปราม จับกุม และขยายผลไปสู่นายทุน และผู้ที่เกี่ยวข้อง

“ขอเน้นย้ำให้ทุกคน ทุกหน่วยงาน ปฏิบัติการตามแผนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภายในระยะเวลา 3 เดือน ตามที่ได้มีการกำหนดไว้แล้วให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ขณะที่การป้องกัน คือทำอย่างไรให้คนไม่อยากเสพยาเสพติด เพราะจะทำให้การขายลดลงได้ ซึ่งการศึกษาเป็นส่วนสำคัญที่ต้องสร้างความรู้ และหลักการที่ถูกต้องให้กับเยาวชน มีกลไกป้องกันยาเสพติด กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ต้องสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว และชุมชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ขณะที่กองทัพต้องเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน ทั้งทางบก และทางน้ำ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามผู้ค้ายา และจับกุม ยึดทรัพย์ ทำลายเครือข่าย โดยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องถูกลงโทษ ซึ่งถ้าทุกคนทำงานร่วมกันได้ ปัญหาจะเบาบางลง เพื่อคืนอนาคตให้กับลูกหลาน

นายกรัฐมนตรี ได้ยกตัวอย่างกรณีที่จังหวัดหนองบัวลำภูถือเป็นบทเรียน แต่ไม่ใช่การทำงานแบบวัวหายล้อมคอก แต่ต้องนำบทเรียนทุกอย่างมาดำเนินการ คิดวิเคราะห์ และหาวิธีการแก้ไขปัญหา ซึ่งพบว่าสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่เพียงผู้เสพ ผู้ซื้อและผู้ขาย แต่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จึงต้องให้ความสำคัญกับการบำบัดรักษาฟื้นฟู จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดทำกฎหมายมารองรับสำหรับในการปฏิบัติดูแลรักษาคัดกรองผู้ติดยาเสพติด เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการอย่างเหมาะสม จัดตั้งสถานที่รักษา โดยมีแนวคิดที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้การบำบัดรักษามีมาตรฐาน ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานส่งเสริมให้ผู้บำบัดมีทักษะในด้านอาชีพ ขณะเดียวกันต้องทำให้ประชาชนมีความมั่นใจและความเชื่อใจในการแจ้งเบาะแส และสิ่งสำคัญคือการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมา โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เห็นจากการประชุมเอเปคที่มีความร่วมมือที่กว้างมากขึ้น ไม่มีใครที่จะแก้ปัญหาได้เพียงหน่วยงานเดียว ดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับหมู่บ้านและชุมชน ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องบูรณาการทรัพยากรทุกอย่าง ทั้งแผนงาน การปฎิบัติงานร่วมมือกับทุกหน่วยงานให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเพื่อขจัดยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย

ขณะเดียวกันต้องระดมสรรพกำลังในการร่วมมือกันปราบรามยาเสพติด และจะต้องมีบทบาทในการคืนคนดีสู่สังคม เพื่อให้ทุกคนได้กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวและทำให้สังคมไทยปลอดยาเสพติด

นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในเรื่องของการดูแลควบคุมสารตั้งต้นที่ใช้ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เพราะเป็นอันตรายและเป็นต้นตอที่นำไปสู่การผลิตยาเสพติด จึงขอให้มีติดตามดำเนินคดีในเรื่องนี้ ซึ่งตนรอผลงานตรงนี้ด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 65)

Tags: ,
Back to Top