อุ๊งอิ๊ง ทวงคืน 10 ปีที่หายไป! ชูแคมเปญ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน”

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยในการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 65 โดยเปิดเผยแคมเปญเลือกตั้งใหญ่ของพรรคเพื่อไทย คือ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน Think Big, Act Smart, For All Thais” จากเดิมคือ “พรุ่งนี้เพื่อไทย” เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในปัจจุบัน จะไม่สามารถคิดแบบเล็กๆ ได้ จึงต้อง “คิดใหญ่” เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประชาชน

อย่างไรก็ดี เมื่อคิดใหญ่แล้วต้อง “ทำเป็น” ไม่แก้ไขเพียงปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ซึ่งมีข้อยืนยันว่าพรรคฯ ทำเป็นตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย จนถึงรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้พิสูจน์ให้ประชาชนเห็นแล้วว่า พรรคฯ สามารถคืนความสุข ความเจริญ และความกินดีอยู่ดีให้ประชาชนได้จริง

น.ส.แพทองธาร เปิดเผยภาพอนาคตของประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือปี 2570 ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ประชาชนจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

1. ด้านเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสให้ประชาชน โดยปี 66-70 ประเทศไทยจะมี GDP เติบโตเฉลี่ยปีละ 5% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอย แต่การรดน้ำที่ราก จะทำให้ต้นไม้งอกงาม สวยงามทั้งต้น ทั้งที่น้ำมีจำกัด โดยรากแก้วที่สำคัญ คือ ครอบครัว จึงวางนโยบาย “1 ครอบครัว 1 Soft Power” บ่มเพาะทักษะต่างๆ ในศูนย์บ่มเพาะศักยภาพทั่วประเทศ 800 แห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้ 1 คน ต่อ 1 ครอบครัว เพื่อให้สามารถต่อยอดสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวได้

โดยจะเป็นการสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง ประชาชนมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท/ปี รวมสร้างรายได้ถึง 4 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 70 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน และผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เริ่มต้นเงินเดือนที่ 25,000 บาท/เดือน ดังนั้น รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชำระหนี้ของคนไทย ทำให้ประเทศไทยในปี 70 ไร้คนจน นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่กำลังสร้างตัว สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น ขณะเดียวกัน จะทลายธุรกิจที่ผูกขาดความคิดสร้างสรรค์ เช่น สุรา เบียร์ และไวน์ผลไม้ เป็นต้น

2. ด้านการเกษตร จะใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือเกษตรกร เกษตรแม่นยำ ปรับหน้าดิน ปรับปรุงสายพันธุ์ แปรรูปมูลค่าเพิ่ม และขนส่งที่รวดเร็ว นอกจากนี้ สินค้าการเกษตรทุกชนิดต้องราคาขึ้นยกแผง ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยทำมาแล้ว

3. ด้านการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก สร้างรายได้สูงถึง 3 ล้านล้านบาท/ปี สร้างแลนด์มาร์กท่องเที่ยว การแพทย์ และสุขภาพ และในช่วงเทศกาล เช่น สงกรานต์ หรือลอยกระทง จะเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวโลก

4. ด้านนวัตกรรม สร้าง Block chain ของไทย เพื่อช่วยเกษตรกรในการซื้อขายสินค้า และเป็นช่องทางให้นักลงทุนรายย่อย และในปี 70 ไทยจะเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของอาเซียน มีรัฐบาลดิจิทัลเพื่อประชาชน และแก้คอรัปชันด้วย Central Bank Digital Currency

5. ด้านสาธารณสุข ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียว รักษาฟรีทั่วประเทศ, สามารถจองคิวล่วงหน้ารับยาใกล้บ้าน, ผู้ป่วยโรคจิตเวช สามารถรักษาผ่านระบบ Telemedicine ได้ที่บ้าน, ศูนย์ชีวาภิบาล ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ช่วยลดภาระลูกหลาน, ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกให้เด็ก 9-11 ปี และผู้ใหญ่ที่ไม่มีเชื้อฟรี, ปี 70 โรงพยาบาลของรัฐ จะกระจายอำนาจจากมหาชนไปสู่ท้องถิ่น ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารโรงพยาบาล จัดสรรแพทย์ให้มีความเพียงพอ และในกรุงเทพมหานคร จะมีโรงพยาบาล 50 โรงพยาบาล ครบทุก 50 เขต

6. ด้านการศึกษา จะกระจายอำนาจเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว ยกระดับคุณภาพโรงเรียนต้องสอน 2 ภาษา ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ทั้งภาษาอังกฤษและจีน สร้างศูนย์การเรียนรู้ TCDC หรือ TK PARK ทุกจังหวัด

7. ด้านยาเสพติด “เพื่อไทยมาแล้ว ยาเสพติดต้องหมดไป” จะมีการปราบปรามยาเสพติด ควบคู่ไปกับการช่วยรักษาบำบัดผู้เสพไปพร้อมกัน

8. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน แก้ปัญหาระบบจัดการน้ำทั่วประเทศ ป้องกันน้ำท่วม ถมทะเลสร้างผืนดินใหม่ ทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ

9. ด้านคมนาคมและขนส่งมวลชน ในปี 70 ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาค ลงทุนในระบบราง สร้างรถไฟรางคู่ ลดเวลาเดินทางจาก 10 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมง สร้างรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย-สิงคโปร์ และรถไฟแอร์ตู้ ขยายเส้นทางครอบคลุมทั้งประเทศ นอกจากนี้ จะจัดระเบียบรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล และทำตั๋วร่วม 20 บาทตลอดสายภายในปี 70 ขณะเดียวกัน สนามบินสุวรรณภูมิ จะขยายพื้นที่รองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคน เป็น 100 ล้านคน

10. ด้านพลังงาน โครงสร้างพลังงานต้องปรับตั้งแต่ปี 66 ทั้งค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าไฟ ลดลงทันที และสนับสนุนการใช้โซลาร์เซลล์ในครัวเรือน

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในปี 70 กติการัฐธรรมนูญจะเป็นประชาธิปไตยแบบเต็มใบ นายกรัฐมนตรี จะถูกเลือกโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมาจากประชาชน นอกจากนี้ จะมีการกระจายอำนาจบริหารจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่นมากขึ้น และควบคุมเงินที่ได้จากภาษีประชาชนด้วยระบบ “ราชการดิจิทัล” ซึ่งสามารถตรวจสอบการใช้งบประมาณได้ และจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดที่พร้อม

“จะเห็นว่านโยบายทั้งหมด สามารถเกิดขึ้นจริงได้ เราไม่ต้องย้ายประเทศ เราแค่มาร่วมใจกันเปลี่ยนผู้นำง่ายกว่า ช่วงเวลา 4 ปี ต่อจากนี้ เป็นช่วงเวลาที่เราจะพลิกฟื้นประเทศให้กลับมามีเกียรติและศักดิ์ศรีอีกครั้ง การคิดใหญ่ ทำเป็น จะทำให้ประชาชนมีชีวิตที่พลิกฟื้นราวปฏิหารย์ การมีการเมืองที่มีเสถียรภาพเท่านั้น ที่จะทำให้เราทวงคืนหนึ่งทศวรรษที่เสียไปให้กลับคืนมา ด้วยการเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้” น.ส.แพทองธาร กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ธ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top