จับตาเฟด-ECB-BoE พร้อมใจขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ส่งท้ายปี 65

ธนาคารกลางชั้นนำของโลก 3 แห่งจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 13-14 ธ.ค. ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมตรงกันในวันที่ 15 ธ.ค.

นักวิเคราะห์และตลาดการเงินต่างคาดการณ์ว่า เฟด, ECB และ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมครั้งนี้

เฟด

นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมรอบนี้ หลังจากปรับขึ้น 0.75% เป็นจำนวน 4 ครั้งติดต่อกัน

ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทะลุ 5.00% ในกลางปีหน้า หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดในช่วงที่ผ่านมายังคงไม่สามารถสกัดความร้อนแรงของตลาดแรงงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้าเพื่อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% ในเดือนพ.ค.2566 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ที่ระดับ 4.75-5.00%

อย่างไรก็ดี ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2.00% ในปีหน้า หากสหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ นายเอริค โรเบิร์ตสัน หัวหน้านักวิจัยระดับโลกของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานชื่อ “เรื่องเซอร์ไพรส์ของตลาดการเงินในปี 2566” หรือ “The financial-market surprises of 2023” โดยได้ระบุถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งตลาดได้มองข้ามไป

หนึ่งในเหตุการณ์ในรายงานดังกล่าวคือ หากเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอยอย่างรุนแรงในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เฟดอาจจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 2.00%

รายงานระบุว่า เฟดได้ประเมินความเสี่ยงของเงินเฟ้อต่ำเกินไปในปี 2565 ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยอมรับว่าเงินเฟ้อไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวตามที่เฟดระบุก่อนหน้านี้ ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ทำให้เฟดมีความเสี่ยงจากการที่เศรษฐกิจอาจเผชิญภาวะถดถอยในปี 2566 ขณะที่เฟดประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจต่ำเกินไปจากการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน

“แถลงการณ์ของ FOMC มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เน้นความจำเป็นในการขยายเวลาคุมเข้มนโยบายการเงิน ไปสู่ความจำเป็นในการจัดสรรสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจเพื่อหลีกเลี่ยงการทรุดตัวลงอย่างรุนแรง” นายโรเบิร์ตสันระบุในรายงาน

ECB

นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมรอบนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 2.00% ในปีนี้

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ECB ต่างส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่า เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มใกล้แตะจุดสูงสุด

นายเอ็ดเวิร์ด ซิคลูนา ผู้ว่าการธนาคารกลางมอลตา และเป็นสมาชิกคณะกรรมการ ECB กล่าวว่า เงินเฟ้อจะผ่านจุดสูงสุดในไม่ช้า และ ECB ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้งเหมือนที่ได้ดำเนินการเมื่อวันที่ 27 ต.ค.

นายฟิลิป เลน หัวหน้านักวิเคราะห์ของ ECB กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเงินเฟ้อใกล้แตะจุดสูงสุดแล้ว แม้ว่า ECB ยังมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมแรงกดดันจากราคา

ส่วนนายคอนสแตนตินอส เฮโรโดตู สมาชิกคณะกรรมการ ECB กล่าวว่า ECB มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่ก็ใกล้สู่ระดับเป็นกลางแล้ว

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยตัวเลขเบื้องต้นของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนชะลอตัวสู่ระดับ 10.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 10.6% ในเดือนต.ค.

การปรับตัวของดัชนี CPI ในเดือนพ.ย.มีสาเหตุจากการชะลอตัวของราคาพลังงาน โดยดีดตัวขึ้น 34.9% ในเดือนพ.ย. แต่ต่ำกว่าระดับ 41.5% ในเดือนต.ค.

นอกจากนี้ ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้นในอัตราที่ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2564 และในอัตราที่มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ก่อนหน้านี้ ดัชนี CPI พุ่งแตะ 10.6% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2540 และสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ ECB กำหนดไว้ที่ระดับ 2%

BoE

ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% สู่ระดับ 3.50% ในการประชุมรอบนี้

ก่อนหน้านี้ BoE ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.0% ในการประชุมวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 33 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2532 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 8 นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในไตรมาสแรกของปี 2566 และอีก 0.25% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BoE แตะเพดานสูงสุดที่ 4.25%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ธ.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top