ดาวโจนส์ปิดบวก 38.78 จุด หลังสหรัฐเผยยอดค้าปลีกสูงกว่าคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (15 ก.พ.) หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,128.05 จุด เพิ่มขึ้น 38.78 จุด หรือ + 0.11%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,147.60 จุด เพิ่มขึ้น 11.47 จุด หรือ +0.28% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,070.59 จุด เพิ่มขึ้น 110.45 จุด หรือ +0.92%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 3% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.8% หลังจากดิ่งลง 1.1% ในเดือนธ.ค. โดยยอดค้าปลีกได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์และยอดขายน้ำมันในสถานีบริการน้ำมัน

รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Baird ในรัฐเคนตักกีกล่าวว่า ในช่วงแรกนั้นนักลงทุนขานรับรายงานยอดค้าปลีกอย่างคึกคักเนื่องจากเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่หลังจากนั้น นักลงทุนเริ่มมองว่าความแข็งแกร่งของยอดค้าปลีก ประกอบกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.ที่ออกมาสูงเกินคาด จะทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค., พ.ค. และมิ.ย. สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50%

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยนายแพทริก ฮาเกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่เหนือระดับ 5% หรืออาจจะสูงกว่านั้น เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทางด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กแสดงความเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสู่ 5% – 5.5% ภายในสิ้นปีนี้ ถือเป็นกรอบที่เหมาะสม เพื่อฉุดตัวเลขเงินเฟ้อให้ปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 2.38% หุ้นอะเมซอน ดีดขึ้น 1.16% หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.39%

หุ้นแอร์บีเอ็นบี (Airbnb) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ ทะยานขึ้น 13.35% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 48 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 25 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 1.90 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.86 พันล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเดินทางท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

หุ้นบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ดิ่งลง 5.3% หลังมีรายงานว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ปรับลดการถือครองหุ้นใน TSMC มากถึง 86% ในไตรมาส 4/2565 เหลือเพียง 8.29 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 617.7 ล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 7 จุด สู่ระดับ 42 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2565 และเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2556

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.จาก Conference Board

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.พ. 66)

Tags: , , ,
Back to Top